Queenstown สุดยอดเมืองท่องเที่ยว
Queenstown เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเกาะใต้ นิวซีแลนด์ จำได้ว่าเคยซื้อแพคเกจท่องเที่ยวมาที่ฟาร์มนี้ Walter Peak Farm สองครั้งล๊ะ วันนี้ก็เลยเอารูปเก่ามาแปะเล่าใหม่ เผื่อว่าท่านใดไปเที่ยว Queenstown แล้วอยากหาที่เที่ยวแนวครอบครัว ลองพิจารณาดูนะครับ ถ้าถามผม … แบบว่าชอบมาก ถึงได้พาลูกมาอีกรอบ (รอบแรกมาตอนฮันนีมูน) คือมันได้สองอารมณ์ในทริปเดียว นั่นคือ การล่องเรือกลไฟแบบโบราณดั้งเดิม ลำเดิม ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้อยู่ TSS Earn Shaw หรือที่รู้จักกันในนาม Lady of the Lake และ การได้มาเที่ยวชมฟาร์มบนพื้นที่ที่ถือได้ว่าสวยงามอย่างยิ่ง !!!
เนื่องด้วยสภาพอากาศที่ดี ฤดูท่องเที่ยวที่นี่ก็เลยมีได้เกือบทั้งปี ไม่ว่าร้อนหรือหนาว ฤดูร้อนก็สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติหลากหลาย ฤดูหนาวก็กีฬาสกีเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว
Walter Peak Farm
ตอนมาครั้งแรกเมื่อกว่ายี่สิบปีก่อนโน้น ความรู้สึกเหมือนกับว่าดั่งสวรรค์ในเทพนิยายประมาณนั้นเลย มาครั้งนี้ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากครั้ง่ที่แล้วมาก แต่ช่วงระหว่างนั้น เมื่อปี 1999 ที่นี่เคยโดนน้ำท่วมหนัก(รวมทั้งเมือง Queenstown ด้วย) และได้มีการ renovate ปรับปรุงให้เข้าสภาพเดิมเรียบร้อยหมดแล้ว โดยยังคงรักษาสภาพแวดล้อมแบบเดิมๆเอาไว้อยู่
จองทัวร์กันก่อนเลย
งานนี้ เราใช้บริการของ Real Journeys จริงๆแล้ว งานนี้เราก็ใช้บริการกับเจ้านี้หลายทัวร์น๊ะ มีทั้งล่องเรือที่ Milford Sound ด้วย คือแบบว่าซื้อแบบเป็นแพคอาจจะถูกกว่า
https://www.realjourneys.co.nz/
การเดินทาง
แน่นอนว่า งานนี้เราจะต้องได้นั่งเรือกลไฟ เพราะว่าโม้ไว้กับลูกเยอะ แฮะๆ จุดที่เราจะมาขึ้นเรือก็อยู่ตรงย่านการค้าเลยครับ แถวๆ Queenstown Mall แถมจากจุดที่เราจอด Campervan ที่แคมป์ Queenstown Lakeview Holiday Park เดินมาที่นี่ก็แปล๊บเดียวเองครับ มีทางลัดสำหรับคนเดิน ประมาณ 200 เมตรเองหงะ อากาศเย็นๆ เดินสบายๆ แต่ว่าร้านค้ายังปิดเงียบกันหมด
แล้ว Walter Peak Farm อยู่ส่วนไหนของ Queenstown หละ?
คือถ้าเรายืนอยู่ที่ท่าเทียบเรือ มองข้ามทะเลสาบออกไปไกลๆเลยครับ Farm ก็จะอยู่ฝากฝั่งโน้นเลยครับ นั่งเรือกลไฟไปไม่ช้าครับ แต่ระยะทางไกลพอควร ช้าๆเราก็ชอบน๊ะ เพราะว่าวิวตลอดทางนี่ระดับ Premium เลยครับ
การเดินทางเริ่มขึ้นแล้ว
เรานอนเต็มอิ่ม เป็นคืนที่หนาวมากๆของทริปนี้เลยทีเดียว เช้ามาก็ต้มข้าวต้ม ไข่เจียวหมูหยอง หยอดซอสภูเขาทอง แล้วมีเนื้อปลาทอดติดปลายตะหลิวบ้าง (เนื้อปลา เนื้อกุ้งหาซื้อตามซุปเปอร์มาเก็ต)
อิ่มแล้ว ล้างชามทำความสะอาดเรียบร้อย เราก็เดินมาตามเส้นทางลัด มาถึงก่อนเวลาพอสมควร จึงได้มีโอกาสเดินชมทัศนียภาพ รอบๆบริเวณนั้น เพราะครั้งที่แล้วมา เจอแต่ช่วงกลางคืน มาเดิน Shopping อย่างเดียว คราวครั้งนี้ได้มีชมสิ่งแวดล้อมในเวลากลางวันบ้าง
เดินมาถึง Office ของ Real Journeys …. ยังไม่เปิด อิอิ
เอ่อ … เรือลำนี้นี่เองเจ้าของฉายา Lady of the Lake
เดินเข้าไปชมใกล้ๆหน่อย
1912 โอววววว … เกินร้อยแล้ว …
ได้เวลา เราก็เอา Voucher ไปแสดงเพื่อให้พนักงาน print ticket ออกมา
package ที่เราซื้อเป็นแบบการเดินทางอย่างเดียวรวมอาหารว่าง น้ำชากาแฟ ขนม นม เนย
เขาจะมี package แบบรวม Steak BBQ ด้วย แต่ด้วยเหตุที่ว่าเราไม่ทานเนื้อวัว เนื้อแกะก็ไม่สันทัด เนื้อกวางก็ดูแปลกๆ ก็เลยจองแบบธรรมดา
ขึ้นเรือ TSS Earn Shaw ครั้งที่สอง
เมื่อใกล้ถึงเวลา เขาก็เปิดให้ขึ้นเรือได้ นักท่องเที่ยวก็มีหลากหลายชาติ ที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ของชนชาวแผ่นดินใหญ่ก็มี ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้เสียชื่อเสียงที่พวกเขาสร้างสมมานาน พฤติกรรมแซงคิวก็มีให้เห็นเป็นสีสรรค์อย่างโจ่งครึ่ม จนฝรั่งที่โดนแซงซึ่งอยู่ด้านหน้าเรา หันมามองเรา เหมือนกับจะดูว่า เราจะแซงด้วยมั๊ย เราก็เลยรีบตอบเลยว่า “No, I’m Thai” ซึ่งก็เหมือนกับรู้ ฝรั่งถึงกับหันมายิ้มให้อีกครั้ง พร้อมส่ายหน้า
พอเราขึ้นไปบนเรือ ….อ่อ เขารีบขึ้นมาจองที่นั่งนี่เอง ทั้งกระเป๋า หมวก เสื้อ อะไรก็ตามที่วางๆได้ ถูกนำมาใช้ในการจองหมด แต่เราไม่ค่อยได้ซีเรียสเรื่องนี้ เอาแบบว่า มีที่นั่งสบายๆไม่เบียดก็พอแล้ว เพราะเดี๋ยวเรืออกเราคงต้องเดินไปโน่นมานี่ตามประสาเราๆแน่ๆอยู่แล้ว และอีกทั้งนักท่องเที่ยวไม่ได้เยอะมากด้วย ประมาณ 70% ของความจุมั้ง เลยยังมีที่นั่งเหลือให้เรานั่งได้อย่างสบายๆ
เพราะเอาเข้าจริง เราก็แทบไม่ได้นั่งเลย แบบว่า เดินชมโน่นชมนี่ ทั้งวิวสุดยอดดับเบิ้ลพรีเมี่ยมทั้งสองฝั่ง อีกทั้งภายในเรือเราก็สามารถเดินชมการทำงานของเรือกลไฟได้ด้วย มีห้องประวัติเรือย่อมๆด้วย
เรือออกแล้วววววว….
บอกแล้วว่าวิวระดับ Super Premium จะมัวนั่งอยู่ที่โต๊ะทำไม ออกมาเดินรับลมหนาวสิครับ อิอิ
สังเกตุนะครับว่าภูเขาที่นี่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเห็นยอด เมฆมักจะมาบดบังไปครึ่งหนึ่งประจำ
เมื่อดื่มด่ำกับวิวรอบๆด้านจนพอสมควรแล้ว เราก็ไปสำรวจด้านในกัน ที่เป็นจุดเด่นอีกเรื่องหนึ่งของเรือก็คือ เรือยังคงใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเรือกลไฟโบราณที่ลงน้ำครั้งแรกตั้งแต่ปี 1912 โน่น ปัจจุบันก็ยังคงใช้ Engine เฉกเช่นเดิมอยู่ อาจจะมีปรับปรุง ซ่อมแซม เปลี่ยนมือเจ้าของมาบ้างตามช่วงกาลเวลา
แหละที่สำคัญก็คือ เขาเปิดให้เราได้ชมการทำงานของลูกเรือ ทั้งการตักถ่านหินเข้าเตา ทั้งการบังคับกลไกต่างๆ โดยเราสามารถชมได้จากทางด้านบนของห้องเครื่องที่เขาได้จัดทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนและปลอดภัย ตอนเรามาเมื่อหลายปีที่แล้ว ก็เห็นเช่นเดียวกันแบบนี้
ออกมาชมวิวกันต่อ …
เริ่มเห็นจุดหมายปลายทางอยู่ลิบๆแล้ว
ลงมาดูที่ห้องจัดนิทรรศการแสดงภาพถ่ายประวัติศาสตร์ของเรือ ตั้งแต่สมัยโบราณ เดินอ่าน เดินดูจนเพลินเลย
สักพักเราก็เริ่มเห็น Walter Peak Farm ชัดเจนมากขึ้น ยังคงดูเหมือนแดนดินแห่งเทพนิยายเหมือนเดิม
เหมือนขึ้นเกาะ
แต่ไม่ใช่หรอกครับ เพียงแต่เป็นคนละฟากฝั่งของทะเลสาบเท่านั้นเอง ผมไม่รู้ว่า สมัยก่อนตรงนี้สามารถเข้าออกทางบกได้หรือไม่ แต่ยุคนี้เท่าที่ดูจาก google map ก็มีถนนเข้าถึงจากทางด้านหลัง
มาถึงเขาก็ต้อนแกะ เอ๊ยต้อนพวกเราไปถอนขนแกะ อึ๋ยยยย ไปดูเขาโชว์ถอนขนแกะ ก่อนเลย
แกะก็มีหลากหลายสายพันธุ์ ราคาขนแกะก็แตกต่างกันไปด้วยแบบว่าแพงมากกับถูกเว่อร์ แต่ที่เขาเลี้ยงที่นิวซีแลนด์กัน จะมีอยู่ไม่กี่สายพันธุ์(เลือกที่ทำเงินได้ดี)
หลังจากนั้น ก็จะมีการโชว์สุนัขเลี้ยงแกะ วิ่งไล่ต้อนแกะเข้าคอก ก็เป็นอีกบรรยากาศเพราะเราอาจจะเคยได้ดูแบบนี้มาแล้วบ้างในที่อื่นๆ(ฟาร์มโชคชัยก็มี) หรือประเทศอื่นๆ เมื่อเสร็จจากสุนัขเลี้ยงแกะแล้วก็จะเป็นการให้อาหารแกะ ซึ่งเด็กๆก็จะสนุกกันมาก
เมื่อเสร็จจากตรงโรงถอนขนแกะแล้ว คุณลุงก็เดินนำพวกเราตรงไปที่บ้านพักหลังใหญ่สุด ระหว่างทางก็มีสวนสวยงามตามสไตล์อังกฤษ ดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ สีสรรค์สดใส เมื่อมาถึงที่บ้านพักเขาก็จะแบ่งอีกว่า ใครซื้อ Ticket แบบควบอาหารเที่ยง BBQ ก็ไปอีกห้องนึง ส่วนพวกธรรมดาก็อยู่อีกห้องนึงมี ชา กาแฟ นม น้ำผลไม้ คุกกี้ homemade อร่อยๆ ให้หม่ำ บอลล์ บอลล์ ดื่มนมสดแล้วบอกว่า อร่อยมาก แป๊บเดียว 3 แก้ว คุ๊กกี้ 2 ชิ้น สงสัยจะอร่อยจริง
ครั้งที่แล้วที่เรามา เราก็เลือกนั่งที่ตรงนี้ วิวสุดยอดที่สุดแล้ว ด้านในอาคารมี Heater แต่ก็ไม่ได้เปิดอุ่นมาก แบบว่ายังคงเย็นๆอยู่ อย่างนี้สิชอบ อิอิ
เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ ของตกแต่ง ล้วนแล้วแต่เป็นของเก่าแก่ ทั้งสิ้น
เคาท์เตอร์ที่ห้องอาหาร
ดอกไม้เมืองหนาว
อิ่มล๊ะ ออกไปเดินดูดอกไม้กันบ้าง มีแต่พันธุ์ไม้สวยๆสดใสแปลกตา
สุดท้าย ก็ยังคงมาติดใจ เก้าอี้ตัวเดิม ที่กว่ายี่สิบปีที่แล้ว เราก็ถ่ายแบบนี้แหละ
เดินชมสัตว์ในฟาร์ม
ได้เวลาเดินชมและให้อาหารสัตว์ภายในบริเวณฟาร์มที่เขาอนุญาติ
ได้เวลากลับล๊ะ
ใช้เวลาอยู่ที่นี่นานพอสมควร ก็ได้เวลากลับ ซึ่งเรือที่มาส่งเรา ก็จะรับนักท่องเที่ยวรอบที่มาก่อนหน้าเรากลับไปยังฝั่ง Queenstown หลังจากนั้นก็จะรับนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่จาก Queenstown มาส่งที่ Walter Peak Farm นี้ และก็รับกลุ่มเรากลับไปส่งที่ Queenstown มีนักท่องเที่ยวบางท่านซื้อตั๋วแบบนั่งเรืออย่างเดียวไม่ได้ลงเดินชมที่ Walter Peak Farm ก็มี
ตอนนี้ ทุกคนก็ขึ้นเรือไปด้วยความสุขที่เต็มอิ่ม ขากลับไม่ค่อยมีใครเดินไปเดินมาโน่นนี่นั่นแล้ว ส่วนใหญ่ก็ตั้งวงคุยกันอย่างสนุกสนานออกรสชาติเต็มที่ แต่เราก็ยังคงเดินดูโน่นดูนี่ ชมวิว ไปเรื่อย แบบว่า เอาให้คุ้มว่างั้นเหอะ เมื่อเรือใกล้ถึงฝั่งเมือง Queenstown ก็มีละอองฝนโปรยปรายลงมาบ้างเล็กน้อย แต่เพิ่มความหนาวได้จับใจจริงๆ
เดินกลับบ้านที่เป็นรถของเราได้อย่างสุขใจ … อิอิ
ยังมีตอนอื่นๆของทริปนี้ ลองชมนะครับ
NEW ZEALAND :: WHALE WATCH นั่งเรือฝ่าความหนาว ไปดู….วาฬ กัน
NEW ZEALAND :: White Horse Hill Campground สวรรค์ของคนขับรถบ้าน … สวยจริงฟินสุดยอด
NEW ZEALAND :: Glacier Explorers ล่องเรือสัมผัสและชิมกราเซียกลางทะเลสาบ Lake Tasman
NEW ZEALAND :: Luge Gondola Skyline @Queenstown สุดยอดแห่งความสวยงาม