NEW ZEALAND :: WHALE WATCH นั่งเรือฝ่าความหนาว ไปดู….วาฬ กัน

Whale Watch นั่งเรือฝ่าความหนาว ไปดู….วาฬ กัน

Whale Watch ใช่แล้ว เป็นอีกความฝันหนึ่งที่เมื่อหลายสิบปีก่อน เคยดูข่าวต่างประเทศที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นภาพนักท่องเที่ยวลงเรือออกทะเลไปดูวาฬกัน ในระยะใกล้ๆ แล้วเกิดความรู้สึกเป็นภาพฝังลึกว่า เออ … เราชอบหวะ ถ้ามีโอกาส มีวาสนา ครั้งนึงในชีวิต ต้องขอไปที่นี่บ้างหละ …

เมื่อมีโอกาสมาที่นี่ เกาะใต้ นิวซีแลนด์ ก็เลยไม่พลาดที่จะใส่ไว้ใน List รายการท่องเที่ยว ความจริงรายการนี้เกือบจะโดนตัดออกอยู่แล้ว ในช่วงที่จัดตารางเวลาไม่พอไม่ลงตัว แต่ท้ายที่สุด เราก็มาจนได้

การเดินทาง

เรารับรถจากเมือง Christchurch แล้วขับมุ่งหน้าขึ้นเหนือเพื่อตรงไปยังเมือง Kaikoura

เส้นทางที่วิ่งไปไม่ได้ยากลำบากมาก มุ่งหน้าไปหาทางหลวงหมายเลข 1 ขับขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ ถนนช่วงแรกๆก็ขับสบาย วิวสองข้างทางสวยงามสบายตา ทั้งบ้าน ทั้งทุ่งหญ้า ทั้งภูเขาหัวเกรียนทั้งหลาย เมื่อเราขับมาถึงเมือง Cheviot เราก็โทรบอกทาง Whale Watch ว่า เราไม่แน่ใจว่าจะไปทันไหม แต่จะพยายามขับไปให้เร็วที่สุด (ยังไงก็ไม่ทันอยู่แล้ว เพราะเสียเวลาตอนรับรถ มีหลายคิว)
เสียงปลายสายถามว่า คุณมาจากประเทศไทยใช่ไหม
เราก็บอกว่าใช่ ..เอ่อ ทำไมคุณรู้หละ
เขาก็บอกว่า ก็มีมาจากเมืองไทย 3 คน ให้เราขับรถให้ปลอดภัยด้วยความระมัดระวัง ถ้าเรามาไม่ทันก็จะให้เราขึ้นเรือในเที่ยวถัดไปแทน (มารู้ภายหลังว่า her boyfriend อยู่ที่ภูเก็ต เลยสงสัยว่า จะสนใจประเทศไทยเป็นพิเศษ อิอิ)

ได้ยินเช่นนั้นก็สบายใจเป็นอย่างมาก แต่ว่า เส้นทางหลังจากนี้เป็นต้นไปนี่สิ โอ้โห ขึ้นเขาวกไปวนมาข้างทางเป็นเหว เป็นที่น่าหวาดเสียวเป็นอย่างมาก เมื่อพ้นจากแนวภูเขาแล้วคราวนี้ก็มาเป็นถนนเรียบริมทะเลไปเรื่อยๆ ซึ่งเราก็จำได้จากใน Google Map Street View สวยงามมาก แต่ก็ต้องไปให้ทันเวลา เลยไม่ได้แวะชม หรือแวะถ่ายรูปเลย ขับอย่างเดียว

และแล้วระยะทาง 180 กม. เราก็มาถึงปลายทางโดยสวัสดิภาพ และ ก็ยิ่งสบายใจเมื่อเราต้องมาถึงก่อนเวลานิดหน่อย

สำหรับปักหมุดที่เที่ยวที่กิน ที่จอดรถบ้าน เดี๋ยวผมขอปรับปรุงนิดหน่อย แล้วจะเอามาแชร์กันนะครับ

ปล. รีวิวนี้เป็นการรวบรวมรีวิว มาไว้ที่นี่ที่เดียวครับ และ พอดีช่วงนี้มีคนสอบถามเรื่อง New Zealand เข้ามาเยอะมาก ก็เลยไปรีบรวบรวมเอามาให้ก่อนครับ

จอดรถสบายมั๊ยหละ เป็นครั้งแรกเลยที่ต้องมาขับรถขนาดมินิบัสเนี๊ยะ

มาถึงแล้ว Whale Watch Kaikoura เราก็เข้าไปแจ้งชื่อเสียงเรียงนามก่อน หลังจากนั้นก็ออกมาเดินเล่นตามสบายเพราะรออีกประมาณ 30 นาที

ชายทะเลที่นี่ เงียบ หนาว เย็นยะเยือก สงบ

ที่เห็นคล้ายขยะนั่น ความจริงคือสาหร่ายมั้งครับ หรือว่าอะไรสักอย่าง ที่โดนพัดขึ้นมาเกยตื้น

นี่ไง หน้าตาเป็นอย่างนี้ …

ถ้าหากว่าใครอยากชมวาฬทางอากาศ ที่นี่ก็มีบริการ เฮลิคอปเตอร์ด้วยนะครับ

ใกล้ได้เวลาล๊ะ มานั่งฟัง ปฐมนิเทศน์ก่อน

ออกเรือกันได้แล้ว

และแล้ว ก็ถึงเวลาที่ลงเรือ เรานั่งรถโคชจากจุดที่เราจอดรถตรงนั้น เพื่อไปยังท่าเทียบเรือ ก็ไม่ได้ห่างไกลมากเท่าไหร่ครับ แป๊บเดียวเราก็มาถึงท่าเรือ ลมแรง ลมเย็น ลมหนาววววมากกกกก

เมื่อเรือเริ่มออกเดินทาง ทุกคนก็จะเข้ามาอยู่ในห้องนี้กันหมด เพราะว่า ข้างนอกหนาวววววมากกกกกกก

เจ้าหน้าที่เขาก็จะมีการอธิบายวาฬชนิดต่างๆ รวมทั้งวาฬที่เรากำลังจะไปชมกัน Sperm Whale

การทรงตัวในเรือ พอเราเห็นป้ายนี้ ก็ลองทำดู …. ใช่เลย อย่างน้อย 3 จุดสัมผัสที่เราสามารถใช้ยึดเหนี่ยวไม่ให้ล้มลงไปกองตรงพื้นได้เป็นอย่างดี

ไปสักพัก เรือก็จะค่อยๆจอด เหมือนกับรออะไรสักอย่าง แต่จริงๆแล้ว เขากำลังดักฟังเสียง Sonar

จนกระทั่งได้สัญญาณอะไรระแคะระคาย เรือก็มุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่ได้สัญญาณมา แล้วก็มาจอดหยุดนิ่ง

สักพัก ก็มีเสียงประกาศว่าเพื่อนเราขึ้นมาแล้ว ทางด้านกาบขวาของเรือ

จะรออะไรอีกหละ …. ทั้งไทย(มีสามคน) ทั้งฝรั่งก็เฮโลกันไปตามทิศทางที่บอกเลย เป็นเรือแบบสองชั้น ดังนั้น ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้เห็น และการโชว์ตัวของเขาก็มีเวลาเพียงพอที่จะให้เราตั้งหลักหามุมที่ดูแล้วคิดว่าตัวเองชอบที่สุด

พระเอกของเรา ก็จะเริ่มจากการลอยตัว พ่นน้ำเล่นสบายใจเฉิบ ซึ้งเป็นข้อดีที่ทำให้ผู้ควบคุมเรือ บังคับเรือให้อยู่ในมุมที่จะสามารถเห็นตอนเขามุดน้ำได้สวยที่สุด นั่นก็คือมุมจากทางด้านหลังหรือส่วนหางของเขา

สักพัก ก็ได้เวลาที่จะดำดิ่งลงสู่ก้นทะเลแล้ว(ลอยเล่นอยู่นานเหมือนกันครับ 5-10 นาที) คือเจ้าหน้าที่บนเรือเขาจะบอกเราล่วงหน้าสัก 10 วินาทีได้ครับ เพราะเขาจะสังเกตุเห็นท่าทางการขยับร่างของวาฬ พอเห็นปุ๊บ เขาก็จะบอกปั๊บ ทำให้เรามีเวลาที่จะตั้งหลักชมภาพสวยๆงามๆ เพราะบางทีคนเรารอนานๆก็เบื่อได้อาจจะละสายตา เดินไปโน่น เดินมานี่ พอถึงช่วงเวลาสำคัญนี้ เราจะได้วิ่งมาชมได้อย่างเต็มตา

สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป ความเห็นส่วนตัวนะครับว่า เราอยู่ชั้นล่าง น่าจะได้รูปที่สวยมีมิติกว่า เพราะถ้าอยู่ชั้นบน มุมที่เรามองเห็นก็จะเป็นมุมกดลง

หมดล๊ะ …. ปิดฉากไป คราวนี้เรือก็ออกเดินทางอีกครั้ง เวลายังพอมีขับไปจอดอีกที่หนึ่ง แล้วเริ่มต้นควานหาเป้าหมาย น้องบอลล์ยืนอยู่ใกล้ๆเจ้าหน้าที่ ที่ดักฟัง Sonar ของวาฬอยู่ เจ้าหน้าที่ก็เลยให้น้องบอลล์ได้ลองใช้เครื่องมือ และได้ยินเสียงของวาฬด้วย เรือก็เลยมุ่งหน้าไปตามเส้นทางนั้น

ตัวที่สอง ตัวใหญ่กว่าตัวแรกหน่อย ตัวนี้ลอยตัวแช่อยู่นานมากเลย พอเห็นหลังเริ่มโค้งโก่งงอแบบนี้ แปลว่าเพื่อนเรากำลังจะไปแล้ว

หลังจากนั้น เราก็มุ่งหน้าเข้าฝั่ง ระหว่างทางก็จะมีนก มีโลมา คอยเป็นเพื่อนตลอดทาง

เรากลับมาที่รถ …. คืนนี้จะเป็นคินแรกของพวกเราสามคนที่จะนอนในรถบ้านนี้ …

เดี๋ยวตอนหน้า จะสรุปรวมถึง Campsite ต่างๆ ที่เราไปจอดรถค้างคืนมา มีทั้งแบบที่เป็น Power Camp และ Non-Power Camp คือมีปลั๊กให้เสียบไฟจากด้านนอกเข้ามาในตัวรถได้ เพื่อใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆได้อย่างเต็มที่ และเป็นการชาร์ตไฟเก็บไว้ในแบตเตอร์รี่ไปในตัวด้วย