(รีวิวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการรวบรวมรีวิวของผมมาไว้ที่เดียวกันที่นี่เป็น ไดอารี่ท่องเที่ยวของครอบครัว ซึ่งเราไปเที่ยวมาสองปีที่แล้ว ดังนั้นอาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลานะครับ ขอบคุณครับ)
ช่วงนี้ มีคนถามเรื่อง New Zealand เยอะมาก ส่วนใหญ่ก็ Search หามาจาก Google แล้วไปเจอกระทู้ที่เคยเขียนไว้ในพันทิบ ก็เลยตามมาถามในเฟสบุ๊ค
บางคนก็เจาะถามเป็นเรื่องๆ บางคนก็ถามถึงการวางแผนทั้งหมด ซึ่งเอาเข้าจริงแล้ว ช่วงเวลาที่ผมไป กับ ช่วงเวลาที่พวกเขาจะไป มันอาจจะแตกต่างกันมากพอสมควร ในเรื่องของสภาพอากาศ
วันนี้ นึกขึ้นได้ก็เลยจะหยิบยกอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงมากนักในบ้านเรา อาจจะไม่ค่อยนิยม หรือ อาจจะไม่รู้ก็ได้
แต่ผมบอกเลยว่า “ผมชอบ”
Glacier Explorers เป็นการล่องเรือเพื่อไปชม Glacier อย่างใกล้ขิด ได้สัมผัส ได้ชิม น้ำแข็งจากยุคโบราณกันเลยทีเดียว อึ๋ยยยยย กินได้ด้วยหรอ ไปดูกัน
ขอเริ่มจากการขับรถเข้าสู่ Aoraki National Park ซึ่งครอบคลุม Mt.Cook เอาไว้ด้วย ส่วนตอนอื่นๆ เดี๋ยวจะเอามาลงเป็น ฉากๆ นะครับ อิอิ
ทั้งนี้ เราจะต้องไปรายงานตัวที่ Glacier Explorers office ซึ่งก็อยู่ที่ Heritage Hotel ใน Aoraki National Park นั่นเอง เพราะว่า สถานที่ที่จะไป ต้องนั่งรถบัสไป แล้วเดินอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะลงเรือ
วันนั้น … เราขับบ้านเคลื่อนที่ของเราจาก Queenstown เพื่อมาที่ Aoraki National Park ให้ทันตามเวลาที่เราจอง Glacier Explorers เอาไว้ คือว่าถ้ามาไม่ทัน ก็จะโดนหักบัญชีผ่านบัตรอยู่ดี เพราะเป็น Service ที่ต้องจองคิวล่วงหน้า คนใช้บริการเยอะ
เส้นทางช่วงที่ขับเข้าสูอุทยานแห่งชาติ สวยงามมาก เสียดายที่มีนัดตามเวลาที่ต้องเร่งรีบ … ไม่งั้น สามารถใช้เวลาอยู่แถวๆนี้ได้ 3-4 วันเป็นอย่างต่ำเลยทีเดียว เพราะถนนเส้นนี้ จะวิ่งเลียบทะเลสาบที่สีสวยบาดใจจริงๆ เลยกะว่าพรุ่งนี้ขากลับจะจอดถ่ายรูป Lake Pukaki ที่สวยงามแห่งนี้ ให้ได้
เรามาถึงที่ Heritage Hotel ตรงเวลาเป๊ะๆเลย หลังจากรายงานตัวจ่ายตังส์รูดบัตรอย่างเป็นทางการ
มีเวลาให้เดินยืดเส้นยืดสายได้ 5-10 นาที
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็จะเรียกตัวขึ้นรถ ในทริปนั้นมีชาวอินเดียอีกหนึ่งครอบครัว 4 คน และสิงค์โปร(มั้ง)อีก 1 คน
เจ้าหน้าที่ก็มาเรียกขึ้นรถบัสคันใหญ่นั่นแหละ แล้วขับนำเราไปตามเส้นทางที่เป็นดินลูกรังที่ชื่อว่า Tasman Valley Road นั่นก็คือมุ่งหน้าเข้าสู่หุบเขา Tasman การที่ไม่ต้องขับรถและนั่งอยู่ในรถ มันดีอย่างนี้นี่เอง ทำให้เราสามารถดูดดื่มชื่นชมกับธรรมชาติรอบข้างได้อย่างเต็มที่
ประมาณ 15 นาทีก็มาถึงที่จอดรถ เวลานั้นก็มีรถของนักท่องเที่ยวจอดอยู่ประมาณ 5-6 คัน มี Public Shelter เล็กๆอยู่หนึ่งหลัง และมีห้องน้ำอีกหนึ่งอาคารเล็กๆ มีอยู่ 2 ห้อง ตอนขากลับเราได้มีโอกาสทดลองใช้บริการ ก็ถือได้ว่าใช้ได้นะครับสำหรับห้องน้ำสาธารณะที่ไม่มีคนดูแล
เมื่อทุกคนในกลุ่มพร้อมแล้ว ไกด์ของเราก็เริ่มออกเดินนำทาง เป็นการเดินที่ชอบมาก เพราะอากาศเย็นสบาย เดินไปไม่มีฝุ่นคลุ้งกระจายให้ระคายเคือง รอบด้านเต็มไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติ เราสามารถมองเห็น Tasman River ซึ่งก็ไหลมาจาก Lake Tasman ก่อนที่จะไหลลงไปรวมกับ Lake Pukaki
สักประมาณ ครึ่งชั่วโมง เราก็เริ่มเห็น Lake Tasman และก็สามารถเห็นก้อนน้ำแข็งใหญ่ๆที่แตกตัวและลอยมาทางฝั่งนี้ ไกด์พาเราไปที่ที่เก็บสัมภาระ เพื่อแจกจ่ายเสื้อชูชีพให้กับทุกๆคน และเขาจะเป็นผู้จัดที่นั่งให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อความเหมาะสมในเรื่องของความสมดุลย์น้ำหนัก แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ มาด้วยกันก็ให้นั่งด้วยกัน ไม่จำเป็นคงไม่จับแยกกลุ่มหรอกครับ
เริ่มมองเห็นทะเลสาบ และก้อนน้ำแข็งใหญ่ๆที่แตกตัวมาจากกราเซีย
บอลล์ บอลล์ วิ่งลงไปโน่นแล้ว นำหน้าไกด์ไปอีกด้วย
เรือสำหรับล่องในทะเลสาบ
แจกจ่ายเสื้อชูชีพ ถ้าตกลงไปคงแข็งตายก่อนแน่ อิอิ
พร้อมแล้ว
ได้เวลาลงเรือ
ออกจากท่ากัน
เรือวิ่งฉิวเลย เพื่อไปจุดที่สวยงาม แล้วจะค่อยๆล่อง
ต้องขอบอกว่าไกด์ได้อธิบายเรื่องต่างๆได้ดีมาก และที่สำคัญดูแลเอาใจใส่เกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยเป็นอย่างดี พูดจากับเราก็ให้เกียรติอย่างดียิ่ง พูดง่ายๆก็คือ จิตสำนึกทางด้านการให้บริการดีเยี่ยมเลยจริงๆ
ทะเลสาบอันกว้างใหญ่ที่เห็นนี้มีชื่อว่า Lake Tasman เพิ่งเกิดขึ้นมาไม่กี่สิบปีนี้เอง อันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อนนี่แหละที่ทำให้ Glacier ละลาย แตกตัว กลายมาเป็นแอ่งน้ำ ขนาดใหญ่ และ ใหญ่ขึ้น ๆ ๆ จนกลายมาเป็น Lake Tasman ที่เราเห็นในปัจจุบัน
จากน้ำแข็งก้อนนึงไปอีกก้อนนึง แต่ละก้อนใหญ่โตมหึมา หลายๆก้อนเราได้เห็นอัตราการหลอมละลายจากน้ำแข็งเป็นน้ำอย่างชัดเจน เพราะสามารถเห็นการละลหลลงสู่ทะเลสาบเป็นเส้นเป็นสาย
ไกด์อธิบายและชี้ให้เราดูร่องรอยว่า Glacier มันละลายไปมากขนาดไหน โดยชี้ไปที่เชิงเขา จะเห็นสีของชั้นดินมีสองสี ส่วนล่างคือระดับที่เคยมีกราเซียมาก่อนหน้านี้ และละลายไปในช่วงสิบกว่าปีนี้นี่เอง จากรูปจะเห็นว่าอยู่สูงถึงเกือบระดับครึ่งหนึ่งของภูเขาเลยทีเดียว
เมื่อขับเรือมาจนใกล้กับ Glacier ไกด์ก็หยุดเรือยู่ห่างๆ เพื่อความปลอดภัย เพราะภูเขาน้ำแข็งเหล่านี้ ถล่มหรือแตกหักลงมาเกือบทุกวัน และถ้าวันไหนถล่มลงมาเป็นก้อนใหญ่ จะเกิดคลื่นยักษ์ซึ่งจะทำให้เรือล่มได้โดยง่าย เมื่อเข้าไปใกล้อนน้ำแข็งที่ลอยอยู่ก้อนนึง ไกด์ก็ให้พวกเราได้สัมผัสกันอย่างถ้วนหน้า
นักท่องเที่ยวสาวชาวอินเดียก็ถามว่า น้ำแข็งพวกนี้ กินได้ไหม? นับเป็นคำถามที่ดี ไกด์ก็บอกว่ากินได้ ไม่มีอันตราย พร้อมทั้งกินให้ดู เราก็เลยหันไปบอกบอลล์ บอลล์ ที่ไหนได้ กำลังกินอย่างเมามันเลย
ใครสนใจก็ลองดูได้นะครับ
http://www.glacierexplorers.co.nz/
เมื่อได้เวลาอันสมควร เราก็มุ่งหน้ากลับฝั่ง ซึ่ช่วงนี้ละอองฝนโปรยปรายลงมาเพิ่มความหนาวเหน็บขึ้นเป็นอย่างมาก จนทำให้ความเย็นกัดแก้มบอลล์บอลล์ แดงเป็นจ้ำไปหลายวัน
ได้เวลาเดินกลับกันแล้ว
เดินกลับมาถึงลานจอดรถ เลยแวะเข้าห้องน้ำสักหน่อย อิ อิ ได้ลุ้นเลย ไม่ได้สะอาดเว่อร์ แต่ก็สามารถเข้าได้อย่างไม่สะอิดสะเอียนทั้งชายและหญิง นั่งรถกลับมาที่ Hermitage Hotel ด้วยความอิ่มเอิบไปด้วยความสุข
เดี๋ยวตอนหน้า จะพาไปแนะนำ จุดจอดรถในหุบเขาที่ชื่อว่า White Horse Hill กันนะครับ