ปีนี้เป็นปีแรกที่ได้มาเก็บบรรยากาศ รวมทั้งมานั่งคุยเตรียมตัวให้กับเด็กๆหลายๆคนในการสอบสัมภาษณ์ MMI ครั้งนี้(นั่งคุยก่อนหน้าวันสอบหนึ่งวัน) เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้เลย แม้กระทั่งปีที่ลูกสอบสัมภาษณ์ก็เป็นการสอบ Online เพราะเป็นช่วงโควิด-19
ทำให้วันนี้รู้สึกตื่นเต้นไปกับเด็กๆและครอบครัวเป็นอย่างมาก และต้องขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาทักทาย รวมทั้งอีกหลายๆครอบครัวที่ผมไม่ได้ทักทายด้วย แต่ก็เห็นแววตาทุกคนมีความสุขกับวันนี้ วันแห่งความหวังของทุกๆครอบครัว
การได้มาอยู่หน้างานครั้งแรกทำให้ได้ข้อมูลจริงหลายๆอย่าง เช่น เรื่องที่จอดรถ ไม่น่าจะมีปัญหามากมาย เพราะเห็นเปิดให้จอดตรงรอบๆสนามฟุตบอลล์ข้างอาคารเรียนรวมคือสะดวกสุดละ และที่จอดรถบนอาคารสวนดอกปาร์คก็ค่อนข้างว่าง น่าจะเป็นเพราะว่าเป็นวันหยุดด้วย
ก่อนอื่น ตามมารยาท ก็ต้องขอขอบคุณ พี่ๆ DEK69 ที่ช่วยกันแชร์ข้อมูล เพื่อที่ว่าน้องๆในรุ่น DEK70 DEK71 . . . จะได้ดูเป็นแนวทาง ซึ่งปีนี้รูปแบบ pattern จะคล้ายกับปีที่แล้วมากๆ DEK69 ก็ได้รับอาณิสงฆ์จาก DEK68 ไปเต็มๆถึงรูปแบบการสอบสัมภาษณ์ แต่ปีต่อๆไปก็อย่าได้ประมาท ต้องเตรียมให้พร้อมรอบด้าน เพราะทางกรรมการก็อาจจะปรับเปลี่ยนรูปแบบเมื่อไหร่ปีไหนก้ได้
สนใจเข้าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในห้อง “ยื่นพอร์ตแพทย์เชียงใหม่” กด Link นี้ได้เลยครับ
https://line.me/ti/g2/PqcsYulBKksSHqLkbMLMp5x6AYlRl_tpkgNPNQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
กำหนดการ – ตารางเวลา
โดยส่วนใหญ่ก็จะคล้ายๆกับปีที่แล้ว แต่มีที่แตกต่างไปจากปีที่แล้วก็คือ ช่วงบ่ายไม่มีกิจกรรม MEDCMU SHOWCASE เหมือนปีที่แล้ว (จริงๆต้องบอกว่าปีที่แล้วไม่เหมือนปีอื่น แฮะๆ) ทำให้หลายๆท่านจองเที่ยวบินขากลับยืดออกไปเป็นช่วงเย็นหรือกลางคืน ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ

จำนวนนักเรียนที่เรียกสัมภาษณ์
แต่เริ่มเดิมที ทางคณะก็ได้มีการกำหนดจำนวนที่จะเรียกสัมภาษณ์ของแต่ละโครงการอยู่แล้ว

จำนวนที่เรียกสัมภาษณ์จริงจากการที่เด็กๆสังเกตุจากใบเซ็นชื่อก็น่าจะประมาณว่า
- D วางแผนเรียกสัมภาษณ์ 30 คน เรียกจริง 28 คน (มาสัม 27 คน)
- E วางแผนเรียกสัมภาษณ์ 70 คน เรียกจริง 74 คน (ได้ข่าวว่าไม่มา 2 คน)
- I วางแผนเรียกสัมภาษณ์ 30 คน เรียกจริง 32 คน
- O วางแผนเรียกสัมภาษณ์ 80 คน เรียกจริง 86 คน
ซึ่งจริงๆแล้วแต่ละโครงการก็มีผู้ไม่ได้มาสัมภาษณ์บ้างประปรายจำนวนนึง เท่าที่รับฟังมาก็เพราะว่า ได้ขอนแก่นแล้วพอใจแล้วเพราะใกล้บ้าน หรือบางคนก็ติดสอบชิงทุนในวันเดียวกัน
++ ข้อมูลเพิ่มเติม มีพรายกระซิบมาบอกว่า มีมาสอบสัมภาษณ์รวมทุกโครงการประมาณ 210-220 คน ขาดไม่ถึง 5% (ขาดไม่ถึง 10 คน) ++
รูปแบบการสอบสัมภาษณ์ MMI 2569
ปีนี้มีความเหมือนปีที่แล้วค่อนข้างเยอะ แต่ก็มีความต่างบ้างเช่นปีที่แล้วห้องละ 7 นาที ปีนี้ 6 นาที อะไรประมาณนั้นนนะครับ เราไปดูรายละเอียดกันครับ
เข้าใจว่ามีการแบ่งออกเป็น 2 พวกใหญ่ๆคือ
+ พวกที่ไปทำสอบ MMI ก่อนแล้วค่อยมาทำการทดสอบสภาพจิต MMPI-2-RF
+ พวกที่ไปทำการทดสอบสภาพจิต MMPI-2-RF เสร็จก่อน แล้วค่อยมาสอบ MMI
หลังจากนั้น เมื่อเสร็จแล้วจึงออกมารับกระเป๋า โทรศัพท์มือถือ หรืออื่นๆที่ได้ฝากเอาไว้ จึงค่อยเดินมาตรวจผลคะแนนสอบมาตรฐานภาษาอังกฤษที่ห้องคอมพิวเตอร์ ซึ่ง process ตรงนี้จะต่างจากปีที่แล้วทำให้ทุกอย่างลงตัวดูง่ายขึ้นมาก
ส่วนห้องสอบ MMI นั้นปีนี้จะมีอยู่ 4 ห้องเหมือนเดิม เป็นห้องตอบคำถาม 2 ห้อง และห้องว่างนั่งพักอีก 2 ห้อง และมีทั้งหมด 9 วง เวลาเดินเข้าก็จะกลายเป็นกลุ่มละ 4 คน 9 กลุ่มครั้งละ 36 คน
ทั้ง 9 กลุ่ม คำถามเหมือนกันหมด
นักเรียนคนเดียวเข้าแค่กลุ่มเดียวคือ 4 ห้องแล้วก็จบ ถ้ายังไม่ทำแบบทดสอบ MMPI-2-RF ก็ไปทำ แต่ถ้าเป็นกลุ่มที่ทำก่อนแล้ว ก็ไปตรวจผลคะแนน IELTS แล้วลงมาจากตึกได้เลย

สภาพภายในห้องนั่งรอที่ไม่มีคำถามก็ไม่มีอะไร มีโต๊ะและเก้าอี้ให้เรานั่งรอ จริงๆก็เป็นห้องที่พี่ๆ นศพ. ใช้เรียนใช้ทำโน่นนี่นั่น ก็จะมี Poster เกี่ยวกับทางการแพทย์แปะอยู่ที่ฝาผนังห้องบ้าง ก็ไม่รู้ว่าจะมีเด็กตั้งหน้าตั้งตาอ่านเผื่อเป็นคำถามห้องถัดไปหรือปล่าว . . . แต่ไม่ใช่ครับ แฮะๆ
ส่วนของห้องที่ต้องตอบคำถาม ในห้องจะมี
+ อาจารย์นั่งอยู่ 2 ท่าน (น้องๆสังเกตุว่าน่าจะเป็นอาจารย์ 1 ท่านและฝ่ายบริหาร 1 ท่าน ประมาณนั้นนะครับ)
+ โต๊ะวางคำถามเอาไว้ 3 คำถาม
+ เก้าอี้ให้เรานั่ง
เช่นเคย อาจารย์จะไม่พูดไม่ถามอะไรเราสักคำเลยตลอดช่วงเวลาที่เราเข้าไปในห้อง(บางคนตอบคำถามครบแล้วยังเหลือเวลาเยอะ อาจารย์ “อาจจะ” ชวนคุยบ้างนิดหน่อย ไม่ทุกคนนะครับ) เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้อง present ตัวเองตอนเดินเข้าไปในห้อง สวัสดี ขออนุญาตนั่ง ซึ่งเป็นมารยาทขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว แต่เราไม่ต้องแนะนำตัวนะครับ เพราะ อาจารย์จะบอกเด็กๆตั้งแต่ตอนปฐมนิเทศแล้วว่าไม่ต้องแนะนำตัว

ผมก็พยายามรวบรวมเรียบเรียงจากการบอกเล่าของนักเรียนหรือผู้ปกครอง ขาดตกบกพร่องอะไรตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะครับ
หลักการกติกาสำหรับห้องตอบก็คือ
- เมื่อเราเปิดประตูเข้าห้องก็จะเริ่มจับเวลา 6 นาทีเลย จะเป็นเสียงกริ่งยาวตามด้วย “เริ่มสอบ”
- ในห้องไม่มีนาฬิกา จะมีกริ่งสั้นเตือนตอนเวลาผ่านไปแล้ว 3 นาที
- มีคำถามอยู่สามคำถาม ให้ตอบทีละคำถามตามลำดับ
- คำถามจะพิมพ์อยู่ในกระดาษ และมีกระดาษทับอยู่อีกทีเวลาจะอ่านก็เปิดอ่าน(ลักษณะ flip เปิดปิดหน้าต่างหรือบานพับ)
- คำถามเรียงตามข้อ 1A 1B 1C หรือถ้าเป็นห้อง 3 ก็จะเป็น 3A 3B 3C
- เมื่อตอบคำถามแรกเสร็จแล้ว ก็ไปเปิดอ่านคำถามข้อถัดไปได้เลย
- ไม่สามารถย้อนกลับไปตอบคำถามข้อที่ผ่านมาแล้ว
- เมื่อตอบครบ 3 ข้อแล้ว ถ้ายังไม่ครบกำหนดเวลา 6 นาที ก็ยังออกจากห้องไม่ได้ (บางห้องอาจารย์ชวนคุยเล่นช่วงหลังตอบเสร็จ แต่ส่วนใหญ่ไม่พูดอะไรเลย)
- เมื่อครบเวลา 6 นาที ก็จะมีเสียงกริ่งยาว ไปด่านต่อไปได้
- เด็กๆเล่าให้ฟังว่า เหมือนกับว่าอาจารย์พยายามจะแกล้งเรา แบบว่าช่วงที่เราตอบ ส่ายหน้าไปมาเหมือนกับว่าไม่เห็นด้วยอะไรประมาณนั้น หรือบางคนก็ตีหน้าดุ หน้าเคร่งเครียด แต่อาจารย์หน้าตาใจดีทุกคนเลย เราดูออกว่าอาจารย์พยายามปั้นหน้า จนอดอมยิ้มไม่ได้ สุดท้ายอาจารย์ก็ยิ้มออกมา . . . มุมน่ารักๆของการสอบสัมภาษณ์แพทย์เชียงใหม่ (ส่วนตัวมองว่าที่นี่อาจารย์น่ารักใจดีทุกท่าน การที่จะทำหน้าขรึมเคร่งเครียด ทำให้ดูดุหน่อย จึงทำได้ไม่เนียน ยังไงก็ดูเป็นใจดีอ่อนโยนมากกว่า)
- บางคนตอบเสร็จก่อนหมดเวลา 6 นาที อาจารย์ก็ชวนคุยถามเล่นเช่นว่า มาจากโรงเรียนอะไร? จังหวัดอะไร? เด็กก็สตั๊นท์ไปพักนึงแล้วถามว่า ผมตอบได้ด้วยหรอครับ? 5 5 5 เพราะก็กลัวอยู่เหมือนกันว่า ไม่ให้แนะนำตัว ไม่ให้ใส่ชุดนักเรียน จะได้ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ก็กลัวว่ามันจะผิดไหม แฮะๆ แต่ในเมื่อเราตอบจบแล้วอาจารย์ก็ลงคะแนนไปแล้ว ก็ถือว่าจบแล้ว ก็คงคุยได้แหละครับ (โดนถามหลายคนเหมือนกัน พวกที่ตอบจบเร็ว)
- เด็กๆส่วนใหญ่จะบอกว่า คำถามที่ถามมาเป็นคำถามที่ง่ายมาก ชิลๆ ใช้ common sense ตอบได้เลย ง่ายกว่าปีที่แล้ว(ที่ก็ถือว่าง่าย) ไม่มีการสมมติเหตุการณ์โน่นนี่นั่นให้ต้องคิด
ห้องสอบทางด้านจิตวิทยา และ การตรวจผลคะแนนสอบมาตรฐานภาษาอังกฤษ
การสอบทางด้านจิตวิทยา ปีนี้พอจะสรุปสั้นๆได้ประมาณนี้
- สามารถเลือกชุดข้อสอบเป็นภาษาไทย หรือ ภาษาอังกฤษได้
- ข้อสอบมีทั้งหมด 338 ข้อ
- คำตอบคือ Yes / No ทั้งหมด
- ให้กากบาทลงบนกระดาษคำตอบเลย
- ไม่ได้กำหนดเวลาแน่นอน แต่อาจารย์บอกว่าประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งเด็กๆก็ทำกันประมาณครึ่งชั่วโมงนั่นแหละครับ
การตรวจสอบคะแนนมาตรฐานภาษาอังกฤษ
- กรณีที่ยื่นคะแนน TOEFL สามารถใช้ใบคะแนน TOEFL OFFICIAL SCORE REPORT ได้เลย
- กรณีที่ยื่นคะแนน IELTS ที่ให้นักเรียนเตรียม usr/pwd มาเพื่อ login เข้าตรวจสอบผลคะแนนนั้น ปีนี้ได้ให้มาใช้คอมพิวเตอร์ที่ห้องคอมพิวเตอร์ในการตรวจสอบ ทำให้แก้ปัญหาการรอเช็คผลคะแนนของปีที่แล้วไปได้ด้วยดี มีข้อสังเกตุนิดนึงคือ ตอนใส่ user name เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด เพราะบางคนจดมาแบบพิมพ์เล็กหรือผสม
ห้องสอบพอร์ตสำหรับคนที่ยื่นโครงการ I – นวัตกรรม
ห้องสอบพอร์ตสำหรับโครงการ I – ผู้มีอัจฉริยภาพทางด้านนวัตกรรมนั้น เข้าใจว่าก็เพื่อตรวจสอบว่าผลงานของเรานั้นได้ทำเองหรือไม่ โดยอาจจะมีคำถามต่างๆที่เจาะลึกลงไปในผลงานของเรา และ/หรือ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรม ซึ่งพอสรุปได้คร่าวๆประมาณนี้
ข้อสังเกตุจากที่เด็กๆหลายคนเล่าให้ฟังมา ส่วนตัวยังไม่สามารถสรุปได้ว่า
+ อาจารย์ผู้สอบพอร์ต รู้ตัวตนและผลงานของเราก่อนไหม เพราะมีบางคนบอกว่าเหมือนว่าอาจารย์มีโน๊ตมา แต่บางคนก็บอกว่า อาจารย์ให้เราสรุปงานเราภายใน 1 นาทีแล้วก็ซักถามจากเนื้องานตรงนั้น
อันนี้ก็สรุปรวมจากที่เด็กๆเล่าให้ฟังนะครับ อาจจะเหมือนหรือแตกต่างกันในบางประเด็น
- ห้องสอบพอร์ต มี 2 ห้อง ลักษณะก็คือใช้ห้องประชุมของแผนกในคณะ
- เราจะเข้าสีมภาษณ์ห้องไหน เห็นบอกว่าลำดับที่ที่เป็นเลขคี่เข้าห้องซ้ายมือ ลำดับที่ที่เป็นเลขคู่เข้าห้องขวามือ
- นักเรียนอีกท่านก็บอกว่าเราเลือกเข้าห้องสัมภาษณ์ได้เองเลยครับ เขาไม่ได้กำหนด
- มีเวลาให้ 5 นาที
- ในห้องมีอาจารย์ 2 ท่านเช่นกัน เด็กๆบอกว่าอาจารย์ใจดีทั้ง 2 ห้อง เท่าที่สังเกตุน่าจะเป็นอาจารย์สายนวัตกรรมทั้ง 2 ท่าน
- สำหรับนักเรียนที่เล่าให้คุณแม่ฟังบอกว่า อาจารย์ท่านหนึ่งจะถามแต่อีกท่านหนึ่งไม่ถามเลยเหมือนกับว่านั่งจดบันทึกและให้คะแนนอะไรประมาณนั้น
- เริ่มจากคำถามแรก ให้อธิบายสรุปผลงานนวัตกรรมของเราใน 1 นาที
- หลังจากนั้นก็จะยิงคำถามเจาะลึกตามที่เราได้เล่ามา ซึ่งเข้าใจว่าอาจารย์ก็ไม่ได้อ่านหรือรู้จักผลงานเรามาก่อน
- ที่มาของโครงงาน
- ประโยชน์ของงานนวัตกรรมชิ้นนี้
- ลักษณะคำถามเช่น ทำไมต้อง ….. แบบนี้ได้มั๊ย……. แล้วถ้า . ……
- ที่บอกว่าได้รางวัล…… สนาม….. ตอนประกวดเราทำอะไรบ้าง
- ผลงานของเราทำไปถึงขั้นไหนแล้ว เป็นชิ้นเป็นอันหรือเป็น prototype หรือว่าเป็น product ฯลฯ
- ฯลฯ
- อาจารย์ถามละเอียดมาก ถามทุกขั้นตอน แล้วให้พูดสรุปนวัตกรรมของตนเองสั้น ๆ ภายใน 1 นาที
- อาจารย์ไม่มีพอร์ตอยู่ในมือ
- ลูกรู้สึกว่าอาจารย์ไม่รู้เลยว่าเราทำอะไร จะเริ่มต้นด้วยการให้เราเล่าว่านวัตกรรมที่เรายื่นไปคืออะไร
- หลังจากนั้นก็จะหยิบเรื่องที่เราเล่ามาขยายความ มาสอบถามเพิ่มเติมเช่น
- เทคนิคที่ใช้
- ประโยชน์ที่ได้จากนวัตกรรมชิ้นนี้
- เอาไปทำอะไรในทางการแพทย์ได้อีกหรือไม่
- มีงานวิจัยรองรับหรือปล่าว
- มีใครช่วยมั๊ย อย่างไร
- (ถ้าทำผลงานเอง ตอบได้ทุกคนแน่ๆ)
- เหมือนจะดูว่ามี DNA ทางด้านนักนวัตกรรมจริงๆหรือไม่
- หรืออีกคนก็จะคล้ายๆกัน อธิบายงานนวัตกรรมตัวเองภายใน 1 นาทีหลังจากนั้นอาจารย์ก็จะถามจาดสิ่งที่เราอธิบายไป
- ทำที่ไหน
- ทำไมถึงใช้วัตถุดิบนี้
- ถามรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องมือที่ใช้
- นักเรียนอีกคน
- พูดสรุปนวัตกรรมของตนเองสั้น ๆ ภายใน 1 นาที
- ถูกถามทุกขั้นตอนเกี่ยวกับงานของเรา ละเอียดมาก
รวบรวมคำถามจากห้อง MMI
เรามาสรุปเรียบเรียงคำถามจากห้อง MMI จากที่นักเรียนหลายๆท่านได้ช่วยจดจำมาบอกต่อน้องๆว่าประมาณนี้ในปีนี้นะครับ
(Wording อาจจะไม่ตรงเด๊ะๆ แต่ความหมายประมาณนี้นะครับ)
หมายเหตุ – ห้อง 2 และห้อง 4 เป็นห้องพัก
ห้อง 1A
ท่านได้รับมอบหมายให้ทำงานกลุ่มในการ present case แต่มีเพื่อนไม่ช่วยงานกลุ่ม ถึงแม้ว่าจะแบ่งงานกันแล้ว มีผลทำให้งานออกมาไม่ได้ตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ จะทำยังไงต่อเพื่อให้งานสำเร็จ

ห้อง 1B
คุณเป็นนักศึกษาแพทย์ คนไข้ถามหาผลตรวจ แต่ผลตรวจยังไม่ออก เช่น อาจารย์แพทย์ยังไม่ได้ยืนยันผลตรวจ
เราจะทำอย่างไร?

ห้อง 1C
นศพ. มีการสอบและการฝึกปฏิบัติงานเยอะมาก ทำให้เกิดความเครียดและหมดกำลังใจได้ คุณมีวิธีจัดการกับความเครียดได้อย่างไรบ้าง?

ห้อง 3A
คนไข้คนหนึ่งปฏิเสธการรักษา แม้จะเราจะแจ้งให้ทราบแล้วว่าถ้าไม่รักษา จะเสี่ยงถึงชีวิต เราในฐานะแพทย์ จะทำอย่างไรต่อไป

ห้อง 3B
มีคนไข้เข้าห้องฉุกเฉินมาพร้อมกัน 2 เคส เคสแรกเป็น ญาติสนิทของเราที่ไม่มีความรุนแรงมาก อีกเคส บุคคลทั่วไปที่มีอาการรุนแรงต้องได้รับการรักษาเร่งด่วน เราจะเลือกรักษาใครก่อน?

ห้อง 3C
ที่โรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่ง มีผู้ป่วยชายสูงวัย มาด้วยอาการเล็กๆน้อยๆ บ่อยๆ และดูเหมือนอยากจะหาเพื่อนคุยด้วย ท่านเป็นแพทย์จะทำยังไงต่อไป

รวบรวมคำถามจากการสอบสัมภาษณ์ MMI แพทย์เชียงใหม่ 2568

รวบรวมคำถามจากการสอบสัมภาษณ์ MMI แพทย์เชียงใหม่ 2567








