แพทย์เชียงใหม่รอบโควต้า ปรับรับเพิ่มอีก 35 ที่นั่ง

เมื่อมีการขยับตัว ภายหลังจากที่ผ่านการยืนยันสิทธิ์ในวันที่ 7-8/02/2566 และ สละสิทธิ์ 9/2/2566 ไปแล้ว ซึ่งแน่นนอนว่า ต้องมีที่นั่งว่างตามที่พวกเราคาดเดาเอาไว้

จากจำนวนผู้ปกครองของเด็กที่ยืนยันสิทธิ์แพทย์เชียงใหม่ที่อยู่ในห้อง Line ซึ่งเราก็ประมาณเอาว่า น่าจะยังมี ผปค. ที่ยังไม่ได้เข้าห้อง Line จำนวนนึง และคิดว่าไม่น่าเยอะมาก

วันนี้…เมื่อเทียบกับจำนวนที่ “ปรับ” ไปเพิ่มรอบโควต้า 35 ที่นั่งนั้น ก็เท่ากับว่าใกล้เคียงตัวเลขที่เราประเมิน และ ตัวเลขที่ประเมินตั้งแต่ต้นก่อนสอบสัมภาษณ์ซะด้วยซ้ำไปว่าจะโดนเทประมาณ 30-40 ที่นั่ง

ถามว่า ทำไมถึงโยกไปรอบ 2 ?
ทำไมไม่โยกไปรอบ 3 กสพท. เลย?

ความเห็นส่วนตัว(เดานั่นแหละ) ปีนี้ที่มารับเพิ่มในรอบ Portfolio นั้น ถ้าเราเปรียบเทียบตัวเลขที่นั่งที่รับในปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ที่นั่งไปดึงมาจากรอบโควต้าภาคเหนือ และ รอบ กสพท. ประจวบกับเมื่อปีที่แล้วที่เกิดปรากฏการณ์ที่นั่งโควต้าภาคเหนือเหลือเยอะ(น่าจะเนื่องมาจากคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำ ที่เราทราบกันอยู่ว่าปีที่แล้วข้อสอบ 7 วิชาสามัญ ทำให้ต้องมีการปรับลดคะแนนขั้นต่ำ แต่ก็ช่วยได้ในระดับหนึ่งเอง) จึงทำให้ต้องโยกที่นั่งของโควต้าภาคเหนือ ไปให้กับรอบ กสพท. เมื่อรวมๆกับที่นั่งว่างจากรอบ Portfolio ก็เลยทำให้มีการรับเพิ่มอีก 30 ที่นั่งสำหรับรอบ กสพท. ในปีที่ผ่านมา

ดังนั้น ปีนี้ เมื่อผ่านรอบ 2 Quota ไปแล้ว ก็อาจจะมีการปรับเพิ่มที่นั่งในรอบ กสพท. อีกหรือไม่ ถ้ารอบโควต้าภาคเหนือรับได้ไม่เต็มจำนวน ก็ต้องคอยติดตามกันต่อไป


ร่องรอยที่เหลือไว้

แต่สิ่งที่เหลือร่องรอยความบอบช้ำให้กับเด็กๆที่เตรียมตัวมารอบ portfolio นั้น สุดจะพรรณา เพราะเด็กที่มุ่งมั่นอยากเรียนที่แพทย์เชียงใหม่จริงๆ กลับไม่ได้เรียน และเชื่อว่าถ้าระบบการรับสมัครเป็นเฉกเช่นเมื่อปีที่แล้ว พวกเขาก็จะสมหวังและได้เรียน เพราะปีที่ผ่านมาเด็กเก่งๆตัวท๊อปๆของประเทศเขาติดที่อื่นที่เขาพึงพอใจก่อนแล้ว แต่ปีนี้เมื่อกระบวนการและ timeline เป็นอย่างนี้ พวกเขา(เด็กเก่งๆ) ก็ต้องมาลงสนามที่นี่ก่อน เพราะเปิดรับก่อน และพวกเขาก็ได้รับการคัดเลือกตามคาดเด็กที่มุ่งหวังอยากเรียนที่เชียงใหม่ จึงต้องรอเพื่อการเรียกสำรอง

และเมื่อโรงเรียนแพทย์อื่นที่เป็นเป้าหมายของเขาเปิดรับสมัคร พวกเขาก็ต้องไปสมัครอยู่แล้วเพราะเป็นเป้าหมายหลัก และเขาก็ได้รับการคัดเลือก แต่พอปัญหาอยู่ตรงที่ว่า เขาอยากจะสละสิทธิ์(การยืนยันสิทธิ์ภายใน) ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากระบบและกระบวนการ ไม่มีช่องทางให้ทำ ซึ่งก่อนหน้านี้มีให้สละสิทธิ์ แต่ช่วงเวลานั้น ยังไม่รู้ผลการคัดเลือกของโรงเรียนแพทย์อื่นๆ จึงไม่เห็นเหตุผลว่าเขาจะสละตอนนั้นทำไม

ทั้งนี้ ก็เข้าใจอยู่แหละว่า ระบบ ระเบียบการ กติกา ทางมหาวิทยาลัยได้กำหนดมาไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว ทุกคนก็แค่ทำตามกติกา ตามหน้าที่ ให้จบกระบวนการ ก็แค่นั้น

จริงๆเรื่องนี้เคยพูดเคยคุยกันเอาไว้ตั้งแต่วันที่ทางมหาวิทยาลัยออกระเบียบการกำหนดการรับนักศึกษาปี 2566 ว่าจะต้องเกิดปรากฏการนักเรียนเทแพทย์เชียงใหม่เพื่อไปโรงเรียนแพทย์อื่นจำนวนเยอะ เพราะดูจาก timeline ก็บอกได้หมดแล้ว

แต่ในเมื่อมันเกิดผลอันที่จะทำให้ไม่สามารถรับเด็กได้ตามที่ต้องการ ในเรื่องของกระบวนการ timeline และความเป็นจริง ถ้าคิดว่า ก็แค่โยกที่นั่งไปรอบถัดไป ก็จะเป็นการโหดร้ายต่อเด็กๆที่มีความมุ่งมั่นเตรียม portfolio และอยากเรียนที่นี่มาก เพราะอย่างที่เคยเขียนเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า การเตรียมตัวในรอบ portfolio กับการเตรียมตัวในรอบอื่นๆนั้น ต่างกันโดยสิ้นเชิง และเด็กบางคนก็ไม่สามารถไปในรอบถัดๆไปได้

ในขณะที่โรงเรียนแพทย์บางที่ ก็ได้มีการเรียกตัวสำรองกันตลอดเวลา และนักเรียนหลายคนก็รอความหวังจากทางเชียงใหม่ด้วย เพราะถ้าเชียงใหม่เรียกสำรอง ก็จะทำให้ที่นั่งและสำรองของมหาวิทยาลัยอื่นขยับด้วย ก่อนวันไปยืนยันสิทธิ์กับ ทปอ. ในวันที่ 7-8/2/66


TCAS-67

ตอนนี้ผ่านมาถึงวันนี้แล้ว ก็ไม่ได้รอความเมตตาอะไรอีกแล้ว แต่อยากจะขอความเมตตาจากผู้ใหญ่ที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ ช่วยนำเรื่องเหล่านี้ ไปพิจารณาด้วยจะเป็นพระคุณอย่างสูง สำหรับเด็กในรุ่นต่อๆไป เพราะเท่าที่ทราบ ไม่ได้ส่งผลกระทบกับเฉพาะคณะแพทย์อย่างเดียว คณะอื่นๆก็เกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันด้วย


สุดทาง . . . . .

ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ บ่นๆไปอย่างนั้นแหละ . . .

หลายๆโรงเรียนแพทย์ ก็มีการประกาศผลการคัดเลือกก่อนกำหนด ทำให้มีเวลาในการขยับตัวเรียกสำรองของโรงเรียนแพทย์อื่นๆ

ตาม timeline การประกาศผลคัดเลือก ก็ขอบคุณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ประกาศผลก่อนวันที่ได้กำหนดไว้กว่า 1 สัปดาห์ ทำให้ตัวสำรองบางโรงเรียนแพทย์มีการขยับ เป็นบุญของเด็กๆจริงๆ