มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย ในช่วงไม่กี่วันนี้ อันเป็นช่วงสำคัญสำหรับเด็กๆหลายๆคนที่กำลังจะเดินเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย DEK66 ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นที่ มช. ถือว่าไม่ใช่เรื่องปกติ เพราะปีนี้เป็นปีแรกที่ มช. ย้ายตารางการรับรอบ portfolio มาอยู่ก่อนหน้ามหาวิทยาลัยอื่นๆ รวมทั้งยังมี รอบ 1.1 รอบ 1.2 อีกต่างหาก และที่นอกเหนือไปจากนั้นก็คือ มีการใช้ระบบยืนยันสิทธิ์ภายในอย่างเป็นทางการ ซึ่งจริงๆถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ด้วยระบบที่ออกแบบมากลับทำให้เกิดข้อถกเถียง เพราะเมื่อมาผนวกเข้ากับ timeline การรับสมัครของมหาวิทยาลัยแล้ว กลับไม่เป็นผลดีต่อระบบการรับสมัครของทางมหาวิทยาลัยเลย กลับไปเจอเรื่องเก่าๆ นั่นคือ พอไม่ให้สละสิทธิ์ภายใน และเด็กมารู้ผลสอบของมหาวิทยาลัยอื่นที่เป็นเป้าหมายในทีหลัง ก็ไม่สามารถสละสิทธิ์ได้ เท่ากับเป็นการกันที่ไปโดยปริยาย (ปีที่ผ่านๆมาอาจจะยืนยันผ่าน email หรือวิธีการอื่นใดตามแต่คณะจะจัดการ)
เท่าที่ทราบ หรือเท่าที่เข้าใจ ปีนี้การจัดการยืนยันสิทธิ์ภายในเปลี่ยนมาเป็นให้ยืนยันสิทธิ์ภายในผ่านทาง internet ซึ่งก็ต้องบอกว่า การประกาศผลและให้ยืนยันสิทธิ์ภายในของทาง มช. ทั้งรอบ 1.1 และรอบ 1.2 นั้น มหาวิทยาลัยอื่นๆส่วนใหญ่ยังไม่ประกาศผลเลย ดังนั้น คนที่ได้รับการคัดเลือก ยังไงก็ต้องยืนยันสิทธิ์ภายในไปก่อนแน่ และ ค่อยไปตัดสินใจอีกครั้ง(ถ้าได้รับคัดเลือกจากหลายที่และที่ที่เป็นเป้าหมายของตัวเองด้วย) ในการยืนยันสิทธิ์ของ ทปอ. ในวันที่ 7-8/02/2566
สิ่งที่พยายามสื่ออีกอย่างหนึ่งและเป็นเรื่องที่พูดมาตลอด 3-4 ปีนี้ นั่นก็คือ การเตรียมตัวรอบ Portfolio แตกต่างจากรอบ admission หรือ กสพท. โดยสิ้นเชิง เพราะสิ่งต่างๆที่ต้องขวนขวายหามาเพื่อยื่น portfolio เหล่านี้ ไม่ได้มีอยู่ในห้องเรียนที่โรงเรียน ทั้งคะแนนสอบ IELTS/BMAT หรือเหรียญรางวัลโอลิมปิก เหรียญรางวัล เกียรติบัตรต่างๆ
ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ (ขอใช้ข้อมูลของคณะแพทยศาสตร์เป็นหลัก)
+ เมื่อ timeline ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาเปิดรับ และรู้ผล ยืนยันสิทธิ์ภายในก่อนมหาวิทยาลัยอื่นๆ(จากเดิมที่เป็นที่ยกย่องสรรเสริญ กรณีเปิดรับหลังสุด) นักเรียนทุกคนก็จะเฮโลมาสมัครที่เชียงใหม่กันก่อน (ปีที่ผ่านๆมา เขาสมัครและทราบผลที่อื่นและได้ตามที่เขาต้องการพอใจแล้ว ก็ไม่มาสมัครที่เชียงใหม่อีก ซึ่งเท่ากับว่าเปิดโอกาสให้เด็กคนอื่นๆที่อยากเรียนที่เชียงใหม่ได้มีโอกาส) ซึ่งผลที่ได้คาดว่า ตัว Top ของประเทศก็จะมาอยู่ที่เชียงใหม่หมด และ ขณะเดียวกันเมื่อเด็กเหล่านี้ได้ที่อื่นที่ดีกว่า หรือ ที่ที่เป็นเป้าหมาย ท้ายสุดก็จะไปยืนยันสิทธิ์ผ่าน ทปอ.กับที่โน่น จะเกิดการแปลงที่นั่งกลายเป็นที่ว่างทันที แต่เด็กๆที่ตั้งใจจะเข้า มช. จริงๆ กลับไม่ได้รับสิทธิ์ เพราะอาจจะต้องถลำลงไปเป็นตัวสำรองของเด็กตัว Top แต่กลับไม่สามารถใช้ระบบเรียกสำรองได้เหมือนปีที่ผ่านมา เพราะเด็กตัว Top ไม่สามารถสละสิทธิ์ภายในของ มช. ได้ ชื่อก็จะติดยาวไปยืนยันสิทธิ์ที่ ทปอ. ทั้งๆที่เด็กรู้แล้วว่าไม่เอาที่นี่แน่ๆ
+ การยื่นพอร์ตคณะแพทย์โครงการเรียนดีภาษาอังกฤษ ปีที่ผ่านๆมาจะรู้คะแนน BMAT ก่อน ซึ่งเป็นคะแนนที่สำคัญที่สุด และมีสัดส่วนน้ำหนักในการคัดเลือกมากที่สุด และใช้เป็นเกณฑ์รวมกับ IELTS/Portfolio ที่จะเรียกเด็กมาสอบสัมภาษณ์ แต่ปีนี้ การปรับเปลี่ยนช่วงเวลาทำให้ในการประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สัมภาษณ์ที่ยังไม่มีคะแนน BMAT ต้องเรียกผู้สมัครที่ผ่านเกณฑ์เบื้อต้นทุกคนมาสัมภาษณ์ และเท่ากับว่าผู้ที่สมัครสอบที่คะแนน IELTS ผ่านก็สมัครได้หมด เพราะเกณฑ์ขั้นต่ำของ BMAT ก็ไม่สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์เรียกเด็กมาสอบสัมภาษณ์ได้ ปรากฏว่า นอกจากเด็กจะมาสมัครสอบเยอะมากเป็นประวัติการณ์แล้ว ยังต้องเรียกสอบสัมภาษณ์มากเป็นประวัติการณ์ด้วย
+ การมีรอบ 1.1 รอบ 1.2 โดยรอบ 1.2 มีนัยสำคัญว่า จะเอาคะแนน TGAT/TPAT-1 มาร่วมเป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกด้วย แต่ต่อมาเมื่อดูจากกำหนดการของทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในการประกาศผลรอบ 1.2 แล้วปรากฏว่า คะแนน TPAT-1 ยังไม่ออก !!! (เหมือนพระเจ้าเล่นตลก) ก็เลย ไม่เอา TPAT-1 มาร่วมคำนวณด้วยก็ได้ คงเหลือ TGAT ละกัน และ ปรับเปลี่ยนอัตราค่าน้ำหนักคะแนนใหม่ ……. ที่สำคัญ เด็กนักเรียนจำนวนมากรวมทั้งเด็กที่เรียนจากโรงเรียนนานาชาติ ไม่ได้มีความคิดที่จะต้องสอบ TGAT/TPAT-1 มาก่อนเลย ก็เท่ากับเป็นการเพิ่มให้พวกเขาต้องไปเตรียมตัวมาเพิ่มอีก จะมาอ้างว่า ก็ไม่ต้องสอบก็ได้ไม่ได้บังคับ ถ้าไม่สอบก็ใช้คะแนนเดิมจากรอบ 1.1 โดยไม่มีคะแนนของช่วง 1.2 มาร่วมคำนวน คือฟังแล้วรู้สึกจุก
+ การประกาศผลและยืนยันสิทธิ์ในรอบ 1.1 และ 1.2 ซึ่งการประกาศและยืนยันสิทธิ์ภายในทั้ง 2 รอบนี้ ประกาศก่อนที่มหาวิทยาลัยอื่นๆที่เป็นเป้าหมายหลักของเด็กๆจะประกาศผล(ซึ่งแน่นอนว่าเด็กเหล่านี้ก็ต้องมายื่นที่ มช. เอาไว้ก่อน และส่วนใหญ่ก็น่าจะอยู่ในข่ายรายชื่อรอบ 1.1 และ 1.2) ซึ่งก็เท่ากับว่า เด็กๆก็ต้องยืนยันสิทธิ์ภายในของระบบ มช. ก่อน ซึ่งต่อมา เมื่อทราบผลและได้รับคัดเลือกจากทางมหาวิทยาลัยอื่นๆที่เป็นเป้าหมาย ก็ไม่สามารถกลับมาสละสิทธิ์ภายในของระบบ มช. ได้ !!! ได้เฉพาะอย่างยิ่ง เด็กที่ได้รับคัดเลือกและยืนยันสิทธิ์ภายในในรอบ 1.1 ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีคะแนน มีเหรียญ มีกิจกรรม ที่ดี และรับจำนวนเยอะด้วย ก็ไม่สามารถที่จะมาขอสละสิทธิ์สิ่งที่ได้ยืนยันภายในของ มช. ได้แล้ว ซึ่งก็เท่ากับว่า ทางคณะก็ไม่สามารถเรียกตัวสำรองในลำดับถัดๆไปขึ้นมาทดแทนได้ ……. ท่านบอกเพียงแค่ว่า ที่นั่งว่างก็จะยกยอดไปรอบ 3 กสพท.
ซึ่งความเป็นจริงแล้ว การเตรียมตัวของรอบ Portfolio กับรอบ กสพท. ต่างกันโดยสิ้นเชิง และเด็กหลายๆคนก็ไม่ได้คิดที่จะไปรอบ 3 กสพท. อยู่แล้วเช่น เด็กโรงเรียนนานาชาติ และ เด็กที่มุ่งหวังมารอบนี้โดยเฉพาะ แต่กลับถูกสกัดด้วยการวางแผนเรื่องช่วงเวลาในการรับที่ไม่สอดรับกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจริงในสนาม ระบบที่ไม่สามารถให้มีการสละสิทธิ์ทำให้เกิดที่นั่งว่าง ทั้งๆที่เด็กๆตาดำๆนั่งรอคอยอยู่
จริงๆยังคอยและคาดหวังว่า จะมีอะไรเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยก็ขอให้ระบบสามารถสละสิทธิ์ภายในสำหรับผู้ที่เคยยืนยันสิทธิ์ในรอบ 1.1 และ รอบ 1.2 และได้เรียกตัวสำรองลำดับต่อไปเข้ามาทดแทน เพื่อให้ทันก่อนการเข้าไปยืนยันสิทธิ์ ทปอ. ในวันที่ 7-8/02/2566
DEK66 จะต้องจดจำช่วงนี้ของชีวิตไปอีกยาวนานแสนนาน . . .
ซึ่งก็เข้าใจแหละว่า ทั้งหมดนี้ทางคณะได้พยายามช่วยในทุกทางเท่าที่จะทำได้แล้ว แต่ระบบทั้งหมดเป็นการกำหนด วางแผน และพัฒนาของมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นการทำภาพรวมทุกๆคณะ และคณะก็ต้องปฏิบัติตามสิ่งที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดแนวปฏิบัติไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง timeline และระบบการยืนยันสิทธิ์ภายใน(ที่เพิ่งใช้ปีนี้ปีแรกมั๊ง)
ตอนนี้ Key date ที่สำคัญคือ
20/01/2566 รามาประกาศผล จำนวนทั้งสิ้น 70 คน กระทบกับ เรียนดีภาษาอังกฤษเป็นหลัก
25/01/2566 ศิริราช ประกาศผล 70 คน กระทบกับ เรียนดีโอลิมปิกและวิทยาการคอมฯ 20 คน กระทบกับเรียนดีภาษาอังกฤษ
ยังไม่นับรวม จุฬาลงกรณ์ ถ้าท่านกรุณาประกาศผลเร็วขึ้นเหมือนปี 2564 ก็จะถือเป็นบุญกุศลให้แก่เด็กๆหลายๆคน
ปีนี้และปีถัดๆไป เอาไงดี
ต้องยอมรับว่า ปีนี้ การรับรอบ portfolio ของแพทย์ มช. ที่ได้รับคำชื่นชมมาตลอด 2-3 ปีหลังนี้ ปีนี้ได้รับคำไม่พอใจเยอะมาก จนถึงมากที่สุด มีประเด็นให้เกิดคำถามเกือบทุกๆขั้นตอน ตามที่พวกเรา DEK66 และ ผู้ปกครองได้รับรู้มา ดังนั้น สิ่งที่พวกเราพูดคุยกันมาตลอดในช่วง 2-3 เดือนหลังนี้ สิ่งที่อยากจะเห็นในช่วงเวลาสั้นๆนี้ และ/หรือ ในปีถัดๆไปก็คือ
ช่วงเวลาสั้นๆ สำหรับ DEK66 ที่เตรียมตัวกันมาเกือบ 3 ปี
อันนี้เราไม่รู้หรอกว่า ข้อความจะไปถึงท่านไหม แต่อยากขอให้ท่านช่วยพิจารณา ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ เพื่อเห็นแก่เด็กๆที่เฝ้ารอความหวังด้วยนะครับ
+ อยากให้ผู้ที่ยืนยันสิทธิ์ไปแล้วทั้งในรอบ 1.1 และรอบ 1.2 สามารถสละสิทธิ์ได้ ก่อนวันที่ทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะประกาศผลครั้งที่ 3 (27/01/2566)
+ และอยากให้ทางคณะแพทย์และคณะอื่นๆ เรียกตัวสำรองตามที่นั่งที่ได้มีการสละสิทธิ์ให้ครบถ้วนตามลำดับคะแนน
ช่วงยาวๆ หรือ ปีต่อๆไป
เอาจริงๆ ก็รู้แหละครับว่าที่จะเขียนนี้เป็นไปได้ยาก แต่ก็อยากเขียน
+ ถ้าเป็นไปได้อยากให้คณะแพทย์ และ/หรือ คณะที่มีปัญหาลักษณะนี้ หรือ เป็นการคัดเลือกที่ต้องใช้คะแนนหรือกิจกรรมพิเศษอื่นๆ สามารถแยกออกมารับนักศึกษารอบ portfolio เองได้ เพราะ timeline (คล้ายๆ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
+ อยากให้เปลี่ยนรอบ 1.2 เป็นรอบการเรียกสำรองจาก 1.1 ไปเลย โดยไม่ต้องนำคะแนนพวก TGAT/TPAT-1 เข้ามาผสม และยืดวันประกาศและยืนยันสิทธิ์ภายในของรอบ 1.2 ออกไปเป็นช่วงท้ายๆของรอบPortfolio เลย
+ (อันนี้ความเห็นส่วนตัว หลายๆท่านไม่เห็นด้วยแน่ๆ) จัดคัดเลือกรอบ portfolio ด้วย timeline ปฏิทินเดียวกัน สมัคร/สัมภาษณ์/ประกาศผล พร้อมกันหมด