ก็ลองมาสรุปในที่เดียวกันเอาไว้ ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้มายังไม่ครบทุกคน และ บางตัวย่อก็ยังเดาไม่ออกว่าจะสื่อความหมายถึงคณะใด หรือมหาวิทยาลัยไหน แต่โดยรวมส่วนใหญ่แล้วน่าจะถูกต้องมากกว่า 80%
จุดประสงค์ที่เขียนโพสต์นี้ ก็เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ว่า เมื่อลูกๆมาเรียน EP Samsen แล้ว จะสามารถไปต่อมหาวิทยาลัยที่ไหน คณะอะไรได้บ้าง เพราะในยุคนี้สมัยนี้ มหาวิทยาลัยก็เพิ่มมากขึ้นมากมาย คณะแปลกๆใหม่ๆที่ไม่เคยรู้จักไม่เคยได้ยินก็เปิดกันเป็นว่าเล่น ทั้งเทคโนโลยีและอะไรต่อมิอะไรไปไกลมากแล้ว ผู้ปกครองตอนนี้ก็ต้องอัพเดทข้อมูลกันอยู่บ่อยๆ
ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนใหญ่ผมนั่งเทียนเอานะครับ นอกจากรูปภาพที่ได้มาจาก ผปค.แล้ว ก็ไม่มีข่าวสารข้อมูลอะไรมาถึง เพราะผมเป็นคนนอกโรงเรียนละ ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ไม่ได้คุยกับเด็กๆดดยตรง ไม่ได้คุยกับผู้ปกครองเด็กรุ่นนี้โดยตรง
ห้อง 613 EP คณิตศาสตร์ + EP ภาษา
ห้องนี้เป็นห้องที่มีนักเรียน 2 แผนการเรียนอยู่ด้วยกันนั่นก็คือห้องเรียนคณิตศาสตร์(ศิลป์คำนวณ) และห้องเรียนภาษา(ศิลป์ภาษา) ซึ่งผมเองก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเด็กคนไหนเรียนอะไร และสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้คณะอะไร ก็เลยลงไปตามที่เห็นนะครับ
สำหรบห้องนี้ เป็นที่น่าสังเกตุว่า จะได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศกันทุกปี อาจจะมีทุนพ่อแม่ด้วย แต่ก็เห็นกันทุกปี ก็แสดงว่า เขามีช่องทางจากรุ่นสู่รุ่นที่จะหาข้อมูลว่า จะต้องทำอะไรอย่างไร ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่น่าสนใจ
เด็กๆห้องนี้ไปได้หลากหลายจริงๆ ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งวิศวะ สถาปัตย์ พานิชยศาสตร์และการบัญชี รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดาทั้งนั้น ที่เตะตาก็คือ Financial Engineering น่าสนใจมากๆ ในตลาดบ้านเรายุคปัจจุบันนี้
ห้อง EP วิทยาศาสตร์ 614 – 615 – 616
รุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่ EP วิทย์มี 3 ห้อง (ก่อนหน้านี้มีแค่ 2 ห้อง มายาวนาน เพื่อรองรับเด็ก EP Samsen ที่เรียนจบระดับมอต้น) เรามาดูผลงานรวมของทั้งสามห้องกันเลยนะครับว่าไปสอบเข้าได้ที่ไหนบ้าง
และลองสรุปคร่าวๆเป็นกลุ่มใหญ่ๆก็จะประมาณนี้
เดี๋ยวจะมาลองแกะรหัสคณะที่น่าสนใจที่เด็กๆไปสอบเข้าได้กันเท่าที่พอจะรู้จักนะครับ คือถ้าจะเทียบกับปีที่แล้ว DEK64 คงเทียบกันตรงๆไม่ได้ เพราะปีที่แล้วมี 2 ห้อง ห้องละประมาณ 20 คน แต่ปีนี้ 3 ห้อง ห้องละ 30 คน แถมปีนี้ DEK65 เป็นปีพิเศษด้วย ถ้าจำกันได้ รุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่ห้องเรียนพิเศษสอบวันเดียวกันกับการสอบเข้าเตรียมอุดม ดังนั้น เด็กที่ตั้งใจจะไปสอบเตรียมอุดมก็ต้องตัดสินใจไปเลย แต่เด็ก EP Samsen เก่าโชคดีที่ได้ที่นั่งในระดับ ม.4 ตามสิทธิ์อยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าสอบเตรียมไม่ได้ ก็มาเรียนที่นี่ต่อ และการที่ห้อง EP วิทย์ เปิดเพิ่มขึ้นอีกห้อง 30 คน สองห้องเก่าก็ยังไม่เต็มมีแค่ 20++ คนในแต่ละห้อง
รุ่นนี้ก็เป็นรุ่นที่มีการสอบย้ายค่ายอย่างจริงจัง เพื่อให้เด็กเต็มห้องละ 30 คนทั้งสามห้อง นั่นคือ เด็ก ม.3 สามเสนห้อง MSEP / ESC / EIS และห้องปกติต่างๆที่สอบเข้าเตรียมไม่ได้ แต่ก็ย่อมได้รับสิทธิ์ในที่นั่งของห้องสามัญวิทย์ หรือห้องอื่นๆ รวมทั้งที่สอบเข้ามาใหม่ในห้องสามัญวิทย์ ห้อง MSEP / ESMTE ก็จะได้รับสิทธิ์ในการสอบย้ายค่ายหรือย้ายแผนการเรียนจากห้องปกติมาห้อง EP ถ้าต้องการ
ส่วนนึงเท่าที่สัมผัสได้ก็คือ งาน หรือการบ้านหรืออื่นๆของอีพี จะน้อยกว่าทางสามัญ อีกทั้ง EP ได้มีการบรรจุวิชาที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมตัวสอบ SAT ไว้ในแผนการเรียน รวมทั้ง IELTS (เคยได้ยิน แต่ยังไม่รู้ว่าอยู่ในแผนเต็มตัวแล้วหรือยัง) ซึ่งเด็ก EP ทั้งหมดก็จะได้เรียนเหมือนๆกัน ไม่ว่าจะได้นำไปใช้หรือไม่ แต่เชื่อว่ามีประโยชน์แน่นอน
ในรายวิชาสำคัญของสายวิทย์เช่น คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ซึ่งเรียนเป็นภาษาอังกฤษ โดยโครงการได้เชิญอาจารย์ระดับ doctor จากมหาวิทยาลัยมาสอน(เนื่องจากต้องสอนเป็นภาษาอังกฤษ และ ต้องมีความรู้อย่างดีในรายวิชานั้นๆ) ซึ่งถือได้ว่าเนื้อหาเข้มข้น(บางคนบอกว่าข้นเกิน) และสามารถนำไปปรับใช้ได้เลยในการสอบพวก BMAT(section II) หรือพวก CU-ATS และข้อสอบคัดเลือกของ SIIT
ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้ไม่ต้องดราม่าว่าค่าเทอมตั้ง 40,000 บาท ไปเรียน KVIS MWIT หรือเตรียมอุดมไม่ดีกว่าหรือ? คำตอบมันอยู่ในคำถามแล้ว ลองคิดเอาเองละกัน
ผลประกอบการปีนี้ดีเยี่ยมมากๆทุกๆห้อง ขอชื่นชมจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นสายวิทย์ สายศิลป์ เด็กเก่งเด็กปานกลางเด็กไม่เก่ง จะอยู่ที่ไหนก็ไปสู่จุดหมายได้
ที่น่าทึ่งก็คือรุ่นนี้มีทั้ง แพทย์จุฬาที่น่าจะเป็นคนแรกของอีพีเลยมั้งครับ แพทย์รามา 2 คน ซึ่งคนนึงเป็นรอบ Portfolio อีกคนเป็นรอบ กสพท. เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า เราไปได้ทั้งสองทาง ถ้ามีความตั้งใจ มีวินัย และมีการวางแผนที่ดี อีกคนที่ได้ที่แพทย์จุฬาภรณ์ ผมว่าเจ๋งจริง เพราะจาก 30 กว่าคนที่รับ มีแต่เด็กจากโรงเรียนอินเตอร์ทั้งนั้น มีเด็กที่มาจากโรงเรียนไทยแค่คนเดียวก็คือจาก EP Samsen นี่เอง นอกจากนั้นก็มีไปตามมหาลัยอื่นๆอีกเช่น ม.รังสิต และ มีไปประเทศจีนด้วย
ทันตแพทย์ ปีนี้เอิกเกริก เดินแถวเข้าทุกมหาวิทยาลัยตามที่เด็กๆฝัน ทั้งจุฬา มหิดล ขอนแก่น รังสิต ธรรมศาสตร์ มศว. สายวิทย์คุณนอกจากแพทย์ ทันตะ แล้ว ก็ยังมีสัตวแพทย์ที่จุฬา ยังมีเภสัชที่มหิดล ขอนแก่นและธรรมศาสตร์อีกด้วย
แต่ที่มากันเป็นทีมก็คือ ISE CU หรือวิศวอินเตอร์จุฬานั่นเอง ทราบว่ามีบางคนได้ทุนด้วย(คะแนนที่ยื่นรวมๆแล้วอยู่อันดับดีสุด) เป็นอะไรที่น่าสนใจนะครับ นอกจากจุฬาก็มีที่สถาบันอื่นๆที่เป็นหลักสูตรอินเตอร์ด้วยเช่น ลาดกระบัง พระจอมเกล้าธนบุรี(บางมด) หรือจะเป็น SIIT ของธรรมศาสตร์ รวมทั้งไปศึกษาต่อต่างประเทศอีกด้วย
วิศวะภาคปกติเราก็มามีทั้ง จุฬา พระนครเหือ และ ธรรมศาสตร์ เป็นการพิสูจน์อีกอย่างว่า EP ไปได้ทั้งภาคอินเตอร์และภาคปกติ แต่ที่จะติดตัวและนำไปใช้ประโยชน์ได้เยอะก็คือภาษาอังกฤษ
วิทยาศาสตร์ จะเห็นว่าเริ่มเบี่ยงเบนไปในทางประยุกต์กันละ อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของข้อมูล เรื่องของคอมพิวเตอร์ เรื่องของ biomedical biochemistry เรื่องของเคมีประยุกต์ และที่เชียร์มาหลายปี คณิตศาสตร์ประกันภัย หรืออื่นๆ ซึ่งภาควิชาพื้นๆแบบเมื่อก่อน ก็ยังมีอยู่ไม่ว่าจะเป็นภาควิชาชีววิทยา ภาควิชาเคมี ภาควิชาคณิตศาสตร์ ภาควิชาฟิสิกส์ แต่เด็กๆมักจะมองอะไรที่มันใหม่กว่า และดูว่าไปทำงานแบบไหน ทั้งนี้มีการเรียนการสอนทั้งในรูปแบบนานาชาติและปกติ
จากสายวิทยาศาสตร์ เด็กๆยังสามารถไปกันต่อได้ที่คณะสถาปัตย์ พานิชยศาสตร์และการบัญชีทั้งแผนนานาชาติและแผนปกติ คณะนิเทศน์ศาสตร์ หรือแม้กระทั่ง คณะนิติศาสตร์ !!!
เด็กๆ ถ้าโชคดี เมื่อถึงเวลา เขารู้จักตัวเขาเอง เขาก็จะมีแผนของตัวเขาเอง ก็จะสบายหน่อย เตรียมตัวได้เร็ว เตรียมตัวได้ทัน แต่ถ้ายังค้นหาตัวเองไม่ได้สักที อาจจะมาจบลงที่ตามเพื่อนเฮกันไปหรืออะไรก็ได้ที่ไปได้จากความสามารถที่มีอยู่ ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้าย ถ้าสิ่งที่เขาก้าวเดินไปนั้นเขาเลือกเอง เขาก็จะภูมิใจในสิ่งที่เป็นอยู่ และ ไม่ได้ไปประกอบอาชีพที่ไม่สุจริตในอนาคต !!!