digital marketing

Digital Marketing – ทำงานแบบไหนถึงจะเรียกดิจิตอลมาร์เกตติ้ง

Digital Marketing ทำอะไรหรอ?

Digital Marketing ทำอะไร์ – จะบอกว่า…ก็ไม่รู้เหมือนกัน. . . . 5 5 5 เพราะไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้ ไม่ได้ทำงานแบบนี้มาก่อน แต่จะว่าไปแล้วจากการได้ใช้สื่อดิจิตอลมาบ้าง ก็พอทำให้เดาให้นึกออกว่า เขาทำอะไรกันบ้าง อย่างน้อยก็คร่าวๆ ไม่ถึงกับเป็น scope งานทั้งหมด ทั้งนี้ก็เพื่อแชร์ให้เด็กน้อยฟัง เผื่อจะปิ้งไอเดียว่า . . . นี่แหละคือสิ่งที่ชอบ … แบบนี้คืองานที่อยากทำ . . . ก็ลองดูนะครับ

Digital marketing – DM ไม่ใช่การขายของผ่านออนไลน์ หรืออาจพูดได้ว่าการขายของผ่านออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งของ DM ก็ได้ แต่ DM มีอะไรที่มากไปกว่านั้นเยอะ เพราะ DM จะครอบคลุมไปถึงการวางกลยุทธ(strategy)ในการทำการตลาดบนสื่อดิจิตอลต่างๆ โดยจะรวมไปถึงการสร้าง contents ให้ตรงตามกลยุทธที่วางไว้  การกำหนด การเลือกใช้ digital media เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างจริงจัง ฯลฯ

มองๆแล้ว คนที่ทำงาน Digital marketing อาจจะไม่ได้จบมาสายตรงทางเรื่องนี้โดยตรงก็มีเยอะ แต่มาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ มาเรียนรู้เพิ่มเติมจากการอบรมสัมมนา เรียนรู้จากสื่อออน์ไลน์ ฯลฯ โดยอาศัยความเป็นคนอินเทรน เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ชอบเรื่องใหม่ๆ ชอบเทคโนโลยี สนใจพฤติกรรมผู้บริโภคและสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ และเป็นที่น่าสังเกตุว่า หลักสูตรระดับปริญญาโททางด้านนี้ มีค่อนข้างเยอะมากในเกือบทุกๆมหาวิทยาลัย รวมทั้งหลักสูตรการอบรมระยะสั้นด้วย


เนื้องาน

ลองนึกภาพดูว่าในบริษัทหนึ่งๆถ้ามีแผนกการตลาด หรือ marketing ย่อมต้องมีหน้าที่ในการวางแผนสร้างเสริมกลยุทธทำให้สินค้าหรือบริการสามารถขายได้ดีและลูกค้าพึงพอใจ ในขณะเดียวกันก็ต้องสร้าง brand ของบริษัทให้เป็นที่รู้จักติดตาตรึงใจของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

คราวนี้พอมาถึงยุค Thailand 4.0 งานทางด้านดิจิตอลก็ต้องมา ด้วยเทคโนโลยีและพฤติกรรมการเสพสื่อที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุค ทำให้การตลาดก็ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบ จะยึดติดแบบเก่าๆก็จะไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ตามเป้าประสงค์ ในยุคใหม่จึงกลายมาเป็น Digital Marketing

ซึ่งจะว่าไปแล้ว งานของ DM จะแตกต่างจากการตลาดยุคเก่าพอควร เนื่องเพราะว่า Digital Media หรือสื่อที่จะเลือกใช้ในการทำการตลาดนั้น เปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยี จะเห็นได้ว่า marketing media หลายๆอย่างเริ่มถดถอยไปเรื่อยๆ ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ หนังสือพิมพืและนิตยสารต่างๆ ดังนั้นการจะมีความรู้ความสามารถในด้านการวางกลยุทธอย่างเดียว ไม่พอแล้ว ต้องรู้จัก รู้ข้อดีข้อเสีย รู้วิธีการเลือกใช้ digital media รู้จักการสร้าง contents บนโลก online รู้จักการ optimize ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด ฯลฯ บางบริษัทก็จะ outsource งานพวกนี้ออกไปให้บริษัท Agency ที่เชี่ยวชาญด้านนี้ทำเลย ในบางบริษัทเล็กๆ งานเหล่านี้ก็จะโดนมอบหมายให้ 1 หรือ 2 คนทำทุกอย่าง แฮะๆ  ดังนั้น ถ้ามองเนื้องานในส่วนของ DM ก็น่าจะประมาณนี้ (คิดเอง อ่านเอา)

  • Strategy Planner : นักวางกลยุทธ คิดหากลยุทธใหม่ๆเพื่อสร้างแบรนด์ สร้างการตลาด รู้ลึกนึกถึงใจลูกค้า วิเคราะห์ได้ว่าลูกค้าของเรานั้นเป็นกลุ่มไหน รู้คู่แข่ง รู้จุดด้อยจุดแข็งทั้งของเราและคู่แข่ง รู้จักเลือกใช้สื่อ รู้ว่าต้องใช้ influencer รายไหน ฯลฯ
  • Content Developer : นำเอาแผน แนวทาง หรือกลยุทธที่ทาง Strategy Planner ได้วางไว้มาสร้างหรือดำเนินการให้เป็นรูปธรรม โดยต้องผสมผสานทั้งความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ สร้างเป็น Content ขึ้นมา
  • Graphic Developer : อีกความสำคัญสำหรับคนที่จะออกแบบหรือทำ Graphic ที่จะสื่อสารไปถึงผู้บริโภค เพราะนอกจากงานที่ออกแบบจะต้องมีความน่าสนใจแล้ว จะต้องรู้ถึงข้อกำหนดของช่องทางต่างๆที่จะสื่อสารออกไปเช่น facebook, instagram, youtube, website หรืออื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น facebook อย่างน้อยก็จะต้องทราบว่าขนาดของภาพความกว้างความสูงจะต้องเป็นเท่าไหร่ เพื่อให้ภาพที่ออกมาเหมาะสม สมบูรณ์ ดูแล้วน่าสนใจ ฯลฯ
  • Ads Management : คอยดูแลบริหารจัดการเกี่ยวกับการโฆษณา และ งบประมาณในการโฆษณา ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ไม่ใช่ว่าเราเอาอะไรไปแปะเอาไว้บน facebook , instagram etc แล้วเป็นอันจบงาน เพราะเป้าหมายสูงสุดก็คือ เราจะสื่อสาร content ของเราไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ได้มากที่สุด อะไรประมาณนั้น . . . ดังนั้น ก็จะต้องมีการจัดการซื้อ ads บนสื่อเหล่านั้นเช่น การซื้อ ads บน facebook  ก็จะมีการกำหนดว่าจะเลือกกลุ่มเป้าหมายอายุเท่าไหร่ ประเทศไหน จะใช้งบประมาณเท่าไหร่ จะลงกี่วัน ซึ่ง facebook ก็จะนำเอา content ของเราไปโผล่บนหน้า facebook feed ของกลุ่มคนเป้าหมายตามที่เราได้กำหนดไว้

ปล. อย่าเชื่อผมมากนะครับ ผมแค่คุยให้ลูกฟัง ความรู้ความเข้าใจอาจจะงูๆปลาๆ และความเป็นจริงหน้าที่การงานก็จะมีมากกว่านี้อีก แต่คิดว่าแค่นี้ลูกก็น่าจะพอรู้แล้วว่างานแบบนี้เขาทำอะไรกัน ใช่ตัวเรามั๊ยที่จะไปทำแบบนั้น

ในแวดวงนี้ มีคำศัพท์ของเขาที่มีทั้งศัพท์เก่าๆและศัพท์ใหม่ๆ รวมไปถึง application ใหม่ๆ  แหละที่ได้ยินบ่อยมากในช่วงหลังๆนี้ก็อย่างเช่น influencer, youtuber, fanpage, facebook, instagram, twitter, whatapp, line, line@, google ads, facebook Ads, etc


จะไปเรียนที่ไหนได้บ้าง?

แว๊บบบ แรกที่คิดถึงงาน DM ในใจก็คิดอยู่ว่าน่าจะมีมากมายหลายที่ที่เปิดสอนในสาขาวิชานี้ และส่วนใหญ่ก็จะไปบรรลุผลกันในระดับ Master หรือระดับปริญญาโทนั่นเอง จะเห็นได้ว่าถ้าว่ากันตรงๆกับหลักสูตร Digital Marketing จะพบมากในระดับปริญญาโท และ การฝึกอบรมระยะสั้น

พื้นฐานวิชาชีพทางด้านการตลาดก็ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ ที่เพิ่มเติมก็คือ media ที่จะใช้ในการสื่อสาร ผมอาจจะไม่ค่อยรู้ ไม่มีความรู้ทางด้านนี้ ก็เลยไม่ค่อยทราบว่ามีที่ไหนเปิดสอนกันบ้าง แต่คิดว่า มีเยอะมาก ลองหาๆกันดูนะครับ


บทสรุป

ผมอาจจะเข้าใจผิดกับคำว่า Digital Marketing ไปเลยก็ได้ แต่ที่ีเล่ามานี้คือคีวามเข้าใจของผมที่บอกเล่าให้ลูกฟัง เอาเป็นว่ามันเป็นแนวๆนี้แหละครับ พอเล่าไปเรื่อยๆก็สามารถจับกระแสได้ว่า ไม่ใช่แนวลูกแน่ๆ . . . 🙁

 

DATA SCIENTIST – นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล เป็นอาชีพที่กำลังมาแรงจริงหรือ? Version คุยกับลูก