มาถึงหัวหินแล้ว ถ้าจะไม่แวะมาที่อุทยานราชภักดิ์สักหน่อย ก็กะไรอยู่ …. วันนี้เราพอมีช่วงเวลาพอควรในช่วงเช้า ก็เลยลองขับรถแวะไป
อุทยานราชภักดิ์ อยู่บริเวณตรงข้ามสวนสนประดิพัทธ์เลยครับ ถ้าจากตัวเมืองหัวหิน ก็ขับรถไปตามถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าไปปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์เลยครับ
เมื่อเลยตัวเมืองออกไป ก็จะมีป้ายบอกอยู่เป็นระยะๆ หาง่ายมากครับ ประตูทางเข้าดูใหญ่โตสะดุดตา
สำหรับแผนที่สถานที่ต่างๆของหัวหิน ปักหมุดพินไว้ใน google map จะอัพเดทเรื่อยๆนะครับ ลองเข้าไปชมดูได้ครับ ตาม link นี้
https://www.google.com/maps/d/edit?mid=zwW0S3GJ40JY.kajHpDsUlK2Y&usp=sharing
ริมถนนเพชรเกษม ถ้ามุ่งหน้าลงใต้ ก็จะเห็นบริเวณปากประตูทางเข้าแบบนี้อยู่ทางขวามือ
รายละเอียดสถานที่
อุทยานราชภักดิ์ ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของกองทัพบก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยใช้พื้นที่ก่อสร้างรวมทั้งสิ้น ๒๒๒ ไร่เศษ
เวลา เปิด – ปิด :: 08:00 – 18:00 น. ทุกวัน (บางข้อมูลบอกว่าถึง 20:00 น. ถ้าอยากไปตอนค่ำลองเช็คดูครับ)
ค่าผ่านประตู :: ไม่มีการเก็บค่าผ่านประตู
เบอร์โทร :: 022977581-4
เราเข้าไปกันเลยดีกว่าครับ …
พอเราขับตรงเข้าไป ก็จะเจอกับลานกว้างใหญ่โตมากมาย ซึ่งตอนนี้ได้กันไว้ให้เป็นที่จอดรถสำหรับนักท่องเที่ยว …. เราก็จะมัวทำอะไรอยู่อีกหละ … หาที่จอดสิ …
ว่าแต่ แดดจัดร้อนมาก ร้อนจนมองไปทางไหนก็แสบตาขาวโพลนไปหมด … จอดรถได้ก็มองหามุมร่มๆยืนก่อนเลย 5 5 5
คนเยอะจนถึงเยอะมาก เพราะเป็นวันหลังจากวันที่มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ
ได้โอกาสกดสัก แช๊ะ สองแช๊ะ ตาดำเป็นหมีแพนด้า เงาเยอะ คนแยะ ไม่มีแฟลช เลยปล่อยเลยตามเลย …
สักพัก เพื่อนมาร์คมาสมทบ … ก็เลยขอแอ๊คอีกสักรูป
หลังจากนั้น ก็ตัวใครตัวมันล๊ะ 5 5 5 เพราะตัวจะละลาย ตอนนี้เนื้อตัวยิ่งกว่าเนยก้อนซ๊ะอีก โดนร้อนต้องละลาย …
เราก็เลยเดินชมซ๊ะหน่อย ยอมทนร้อน ไหนๆก็มาแล้ว
มาเริ่มตั้งแต่ยุคเริ่มต้นเลยครับ (ขอบคุณข้อมูลจากเว็บกองทัพบก และ kapook.com)
พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม ทั้ง 7 พระองค์ หล่อด้วยทองสำริดนอก (บรอนซ์) มีความสูงของพระองค์ 13.9 แมตร (เทียบเท่าคนยืนต่อกัน 8 คน) ซึ่งประทับอยู่บนฐานแท่งยืนสูง 1.5 เมตร และฐานล่างสูง 8 เมตร รวมเป็น 23.4 เมตร และมีน้ำหนักถึง 29 ตัน ต่อหนึ่งพระองค์
พ่อขุนรามคำแหงมหาราช : กษัตริย์ผู้ประดิษฐ์ลายสือไทย
ทรงถือพระแสงของ้าวในอิริยาบถโน้มลงแผ่นดิน มีความหมายว่าพระองค์ได้ผ่านการรบมาโชกโชน แต่ตอนนี้อยากจะปกครองแผ่นดินให้สงบสุขอุดมสมบูรณ์
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช : กษัตริย์ผู้กอบกู้เอกราชสยาม จากการเสียกรุงครั้งที่ 1
ทรงถือทวนและสะพายพระแสงดาบในชุดนักรบ แสดงถึงความพร้อมออกรบตลอดเวลา
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช : กษัตริย์ผู้ทรงใช้หลักการทูต ดำรงรักษาเอกราชแห่งสยาม
อยู่ในฉลองพระองค์เต็มยศและสวมมงกุฎ เนื่องจากช่วงนั้นอยุธยามีการติดต่อกับชาติตะวันตก
จึงต้องแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์โบราณ
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช : กษัตริย์ผู้กอบกู้เอกราชสยาม จากการเสียกรุงครั้งที่ 2 และทรงก่อตั้งกรุงธนบุรี
ทรงถือพระแสงดาบด้วยสีหน้าแววตาอันดุดันจากการกรำศึกหนัก
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช : กษัตริย์ผู้สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์และทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี
อยู่ในอิริยาบถถือพระแสงดาบในฝัก หมายถึงการเป็นเสาหลักแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว : กษัตริย์ผู้เปรียบดั่งเจ้าภาพสถานที่ เนื่องจากพระองค์เสด็จเยือน บ้านหว้ากอ อำเถอหัวหิน เป็นสถานที่สุดท้ายก่อนเสด็จสวรรคต และทรงเป็นกษัตริย์ผู้ริเริ่มพัฒนาการทหารสมัยใหม่
บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย พระองค์เดียวที่ไม่ได้เป็น “มหาราช” แต่ก็ได้รับการยกย่องในอุทยานราชภักดิ์ ด้วยเหตุผลที่เป็นผู้วางรากฐานและเปิดโลกทัศน์ให้กับรัชกาลที่ 5
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว : กษัตริย์ผู้ทรงพระกรุณาธิคุณสูงสุดในเรื่องการเลิกทาส การป้องกันการล่าอาณานิคมของต่างชาติ และทรงนำพาความก้าวหน้า ความทันสมัยของชาติตะวันตกเข้ามาพัฒนาประเทศสยาม
ฉลองพระองค์เต็มยศแบบฝรั่งและพระหัตถ์ถือกระบี่ แสดงถึงความมั่นคงของประเทศ
หลังจากเดินชื่นชมความสวยงาม ความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ทั้ง 7 แล้ว เราก็ได้เวลาเดินกลับมาตรงลานตรงกลาง ซึ่งวันนั้นจัดทำเป็นเต้นท์อยู่ เพราะเป็นวันหลังจากพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ยังคงมีหน่วยงานมาเก็บของอยู่เป็นระยะๆ
ไว้วันหลังจะมาใหม่ จะลองเลือกมาช่วงเวลาเช้าหรือเย็นไปเลย …