หลังจากที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ออกประกาศรับสมัครรอบ Portfolio ของคณะต่างๆมา ก็มีทั้งเด็กและผู้ปกครอง ปรึกษาเข้ามาตลอดเวลา บางท่านถามเข้ามาตอนตีสี่ ผมก็ตอบกลับไปตอนตีสี่ ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเป็นคนรุ่นใกล้เคียงกับเรา(ถ้าไม่ใช่ก็ขออภัยนะครับ) ผมมันประเภทคนแก่ตื่นเช้า ก็เลยได้ช่วงเช้าๆนี่แหละตอบคำถามที่ค้างๆเอาไว้ได้ดีที่สุด
เมื่อคุยกันไปเรื่อย ผมก็เปิดทั้งประกาศและแบบฟอร์มการเขียน Portfolio พิจารณาไปเรื่อยๆ จึงได้เห็นว่า มีความเปลี่ยนแปลงเล็กๆซ่อนอยู่ ทั้งสำคัญและไม่สำคัญ
คือถ้าเราเป็นผู้ปกครองของ DEK69 ก็อาจจะไม่รู้ว่าเขามีการเปลี่ยนแปลงอะไรจาก DEK68 มาบ้าง เรามาไล่ดูกันว่า มีอะไรที่ปรับเปลี่ยนไปบ้าง และมีนัยสำคัญอะไร (เท่าที่จะสังเกตุเห็น)
E – โครงการเรียนดีภาษาอังกฤษ
กับคำถามที่ถามกันเยอะมากว่า แพทย์เชียงใหม่ต้องใช้ MCAT ด้วยหรอ?
ปีนี้ก็ได้พยายามสื่อสารให้ชัดเจนยิ่งขึ้น จะใช้ MCAT ก็ต่อเมื่อ GPA เกรดเฉลี่ยรายวิชาเราไม่ถึงเกณฑ์ที่ทางคณะกำหนดไว้ ก็เปิดโอกาสให้แก้ตัวโดยใช้คะแนนตามเกณฑ์ในการยื่นแทนได้
แต่ถ้า GPA เกรดเฉลี่ยรายวิชาที่กำหนดของเราผ่านเกณฑ์ ก็ไม่ต้องสนใจคะแนน MCAT เลยครับ

เรามาไล่ดูตั้งแต่ตัวประกาศเกณฑ์การรับสมัครเลยครับ

ปีนี้มีการปรับเรื่องค่าน้ำหนักคะแนน ของแต่ละส่วนทั้งผลคะแนนและผลงาน กิจกรรมต่างๆ โดยตัวที่โดนลดก็คือ ผลงานที่แสดงถึงประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพแพทย์ จากเดิม 10% ลดลงเหลือ 5%
แล้วนำไปเพิ่มให้กับ ผลงานด้านอื่นๆที่ จากเดิม 10% เพิ่มเป็น 15%
และอีกเรื่องที่มีการปรับเปลี่ยนข้อความก็คือ ในหัวข้อของผลงานด้านอื่นๆที่ปกติมีอยู่ 4 หัวข้อหลักนั้น มีการเปลี่ยนแปลงในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับจิตอาสา จากเดิม “ด้านคุณธรรม/จริยธรรม/จิตอาสา/บำเพ็ญประโยชน์(ไม่นับรวมการบริจาค)” มาเป็น “ด้านจิตอาสาและภาวะผู้นำ(ไม่นับการบริจาคทุกชนิด)”

เรื่องต่อไปก็จะเป็นเรื่องการเรียกสอบสัมภาษณ์ MMI ซึ่งปีที่แล้วกำหนดเอาไว้ว่าจะเรียกสัมภาษณ์ 75 คน แต่วันที่ไปสอบสัมภาษณ์ เด็กๆมาบอกว่ามีประมาณ 79-80 คน
ปีนี้กำหนดเรียกสอบสัมภาษณ์ MMI เหลือเพียง 70 คน
และที่มีการเปลี่ยนแปลงอีกเรื่องก็คือเรื่องเกณฑ์การประมวลผลรอบ 1.2 ซึ่งจะใช้กับทั้ง 4 โครงการคือ E O D และ I
จากเดิมที่จะลดทอนคะแนนจากรอบ 1.1 เหลือ 80% แล้วใช้คะแนน TGAT มาร่วมคำนวณโดยคิดเป็น 20%
ปีนี้ปรับอัตราส่วนคะแนนเป็น คะแนนจากรอบ 1.1 คิดเป็น 85% + คะแนน TGAT คิดเป็น 15%
จำได้ว่า หลายปีก่อนโน้น ที่เริ่มมีระบบการคัดเลือกแบบรอบ 1.1 และ 1.2 ตอนแรกประกาศว่าใช้คะแนน TGAT และ TPAT1 ในการประมวลผลรอบ 1.2 แต่พอทราบว่าคะแนน TPAT-1 ออกไม่ทันตาม Schedule ของ มช. ก็เลยปรับเหลือ TGAT อย่างเดียว ซึ่งก็ได้มีการปรับสัดส่วนการใช้คะแนนในการประมวลผลมาหลายครั้ง
- DEK66 : คะแนนจากรอบ 1.1 (85%) – คะแนน TGAT (15%)
- DEK67 : คะแนนจากรอบ 1.1 (95%) – คะแนน TGAT (5%)
- DEK68 : คะแนนจากรอบ 1.1 (80%) – คะแนน TGAT (20%)
- DEK69 : คะแนนจากรอบ 1.1 (85%) – คะแนน TGAT (15%)

ในส่วนของเรื่องการกรอกเอกสารทั้งส่วนที่ 1 และ ส่วนที่ 2 ก็มีความชัดเจนมากขึ้นว่า
ส่วนที่ 1 ให้กรอกข้อมูล โดย เขียน หรือ พิมพ์ ถ้าพิมพ์ให้ใช้ฟอนต์ TH SarabunPSK ขนาด 14 pt.
ส่วนที่ 2 ให้ “พิมพ์” เป็นภาษาไทย เท่านั้น ใช้ฟอนต์ TH SarabunPSK ขนาด 14 pt.

คราวนี้ เรามาดูที่แบบฟอร์มของโครงการ E กันดูว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง (มีจริงๆ เห็นโดยบังเอิญ) จะพูดถึงเฉพาะส่วนที่มีการปรับข้อความนะครับ
ในส่วนของ Portfolio E1 ก็ตามที่ได้บอกไปนะครับว่ามีการเพิ่มข้อความขนาดตัวอักษรเป็น “Font TH SarabunPSK ขนาดตัวอักษร 14 (pt)”

ในส่วนของหลักฐานชิ้นที่ 1 นั้น ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็คือให้เราแนบบใบรับรองหรือ Certificate
แต่ส่วนที่ 2 ผลงาน E1 : หลักฐานชิ้นที่ 2 นั้น ได้มีการระบุเพิ่มเติมว่า “รูปถ่ายเข้าร่วมกิจกรรมไม่เกิน 2 รูป” จากเดิมที่ปีที่แล้วเขียนเพียงว่า “รูปถ่ายเข้าร่วมกิจกรรม”
ส่วนนึง ก็ทำให้เราได้เลือกที่คิดว่าดีที่สุด สื่อสารแทนตัวเรา แสดงถึงการกระทำของเราได้ดีที่สุด และ การใส่หลายๆรูปในหน้าเดียวมันก็จะทำให้ขนาดรูปเล็ก ไม่เห็นรายละเอียดเท่าที่ควร

เช่นเดียวกันกับผลงาน E2 ที่ได้มีการปรับเปลี่ยนเหมือนตามประกาศตามที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น

เช่นเดียวกันกับเรื่อง รูปถ่ายการเข้าร่วมกิจกรรม ที่กำหนดให้ไม่เกิน 2 รูป

O – โครงการเรียนดีโอลิมปิก
ดูแล้วการปรับเปลี่ยนข้อความก็จะทำนองเดียวกันกับ E ที่ได้เขียนไปก่อนหน้านี้ พอสรุปได้คร่าวๆประมาณนี้
- Option กรณีเกรดเฉลี่ยรายวิชาไม่ถึงตามเกณฑ์ที่กำหนด สามารถใช้คะแนนมาตรฐานตามที่กำหนดได้โดยมี MCAT ที่ปรับคะแนนเป็น 500 คะแนน
- น้ำหนักคะแนนผลงานที่เกี่ยวข้องประสบการณ์วิชาชีพแพทย์ ลดเหลือ 5%
- น้ำหนักคะแนนค่ายเหรียญ สอวน. สสวท. เพิ่มเป็น 40%
- การประมวลผลรอบ 1.2 ใช้คะแนนจากรอบ 1.1 (85%) + คะแนน TGAT (15%)
- กำหนดชัดเจนให้ใช้ฟอนต์ TH SarabunPSK 14 pt.
- กำหนดรูปถ่ายกิจกรรมใส่ได้ไม่เกิน 2 รูป
D – โครงการแพทย์วิทยาการข้อมูล
สรุปที่มีการปรับเปลี่ยน
- Option กรณีเกรดเฉลี่ยรายวิชาไม่ถึงตามเกณฑ์ที่กำหนด สามารถใช้คะแนนมาตรฐานตามที่กำหนดได้โดยมี MCAT ที่ปรับคะแนนเป็น 500 คะแนน
- น้ำหนักคะแนนผลงานที่เกี่ยวข้องประสบการณ์วิชาชีพแพทย์ ลดเหลือ 5%
- น้ำหนักคะแนนค่ายเหรียญ สอวน. สสวท. เพิ่มเป็น 30% (จากเดิม 25%)
- การประมวลผลรอบ 1.2 ใช้คะแนนจากรอบ 1.1 (85%) + คะแนน TGAT (15%)
- กำหนดชัดเจนให้ใช้ฟอนต์ TH SarabunPSK 14 pt.
- กำหนดรูปถ่ายกิจกรรมใส่ได้ไม่เกิน 2 รูป
I – โครงการผู้มีอัจฉริยะภาพทางด้านนวัตกรรม
ที่สังเกตุเห็นได้ชัดก็คือเรื่องของผลงานนวัตกรรม ที่มีการปรับเปลี่ยนข้อความจากปีที่แล้วใช้คำว่า ผลงานนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ แต่ปีนี้ใช้คำว่า ผลงานด้านนวัตกรรมทางการแพทย์
ซึ่งอย่างที่เคยเขียนไปแล้วเมื่อโพสต์ก่อนหน้านี้ว่า การเปลี่ยนแปลงลักษณะนี้มีนัยสำคัญหรือปล่าว? ถามตัวเองง่ายๆว่า ทำไมทางคณะถึงได้มีการปรับเปลี่ยน
ลองย้อนหลังดูว่าสำหรับโครงการ I นี้ ปีนี้เป็นปีที่อย่างไรบ้าง 3
ที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดนิดหน่อย แต่จำกัดวงมากขึ้น
- ปี 2567 ซึ่งเป็นรุ่นแรกปีแรกของโครงการนี้ ใช้คำว่า “มีผลงานด้านนวัตกรรม”
- น้ำหนักคะแนนผลงาน 25%
- มีผู้สมัครโครงการนี้ 157 คน
- ปี 2568 มีการปรับเปลี่ยนมาใช้คำว่า “มีผลงานนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health Science)”
- น้ำหนักคะแนนผลงาน 35%
- มีผู้สมัครโครงการนี้ 105 คน
- ปี 2569 มีการปรับเปลี่ยนมาใช้คำว่า “มีผลงานนวัตกรรมทางการแพทย์”
- น้ำหนักคะแนนผลงาน 40%
- มีผู้สมัครโครงการนี้ — คน



นอกจากนี้ก็มีส่วนเพิ่มเติมให้เขียนในหัวข้อ 1.8 ซึ่งเดิมเป็นส่วนที่อยู่ในหัวข้อ 3

หัวข้อ 3 ทั้งหัวข้อ น่าจะเป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่มมา


เรื่องอื่นๆที่มีการเปลี่ยนแปลง
- Option กรณีเกรดเฉลี่ยรายวิชาไม่ถึงตามเกณฑ์ที่กำหนด สามารถใช้คะแนนมาตรฐานตามที่กำหนดได้โดยมี MCAT ที่ปรับคะแนนเป็น 500 คะแนน
- น้ำหนักคะแนนผลงานที่เกี่ยวข้องประสบการณ์วิชาชีพแพทย์ ลดเหลือ 5%
- น้ำหนักคะแนนผลงานด้านนวัตกรรม เพิ่มเป็น 40%
- การประมวลผลรอบ 1.2 ใช้คะแนนจากรอบ 1.1 (85%) + คะแนน TGAT (15%)
- กำหนดชัดเจนให้ใช้ฟอนต์ TH SarabunPSK 14 pt.
- กำหนดรูปถ่ายกิจกรรมใส่ได้ไม่เกิน 2 รูป
อื่นๆ
+++ แพทย์เชียงใหม่ Portfolio 2569 +++
