MED KKU : แพทย์ขอนแก่นรอบ Portfolio ปีการศึกษา 2566

เปิดตัวออกมาเป็นเดือนละ สำหรับแพทย์ขอนแก่นรอบ Portfolio 66 และกำลังจะเปิดรับสมัครในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พร้อมสร้างความฮือฮา เมื่อได้ทำการเปิดโครงการใหม่ คือแพทย์ 2 ปริญญา ที่ยังคงเรียน 6 ปีตามปกติ ซึ่งหลายๆคนก็มีคำถามตามมาหลายอย่าง แต่ก็เริ่มได้รับคำตอบกลับมาทั้งทางตรงและทางอ้อม ก็ถือว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจ น่าติดตาม (มีบางคำถามที่พยายามถามไปหลายช่องทาง แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ! ) ถือว่าเป็นช่องทางใหม่ๆสำหรับอนาคตนะครับ

จากคำกล่าวที่ว่า เมื่อเรียนจบแพทย์แล้ว โอกาสที่จะมาเรียนในหลักสูตรต่างๆคงยากมาก ก็เลยมีให้เลือกเรียนในตอนที่กำลังเรียนเลยดีกว่า

+++ ปีการศึกษา 2567 ก็ออกมาแล้วนะครับ +++


ประกาศรับสมัคร 2566

เรามาสรุปกันว่ารับรอบไหนเท่าไหร่บ้าง และ รอบ TCAS-1 Portfolio มีการเปลี่ยนแปลงอะไรอย่างไร?

รอบ กสพท. ยังคงรับเท่าเดิมคือ 20 คน แต่ที่น่าสนใจก็คือรอบโควต้าพื้นที่ ลดลง 16 คน แต่ก็เป็นการลดแบบมีนัยสำคัญ คือไปเพิ่มในส่วนของ MD02 ซึ่งเป็นโครงการรับผู้มีความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษที่รับเฉพาะนักเรียนในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่แล้ว นั่นก็คือ ยังคงเป็นเด็กในพื้นที่ แต่เปลี่ยนวิธีการรับเข้า และยังเพิ่มแผนการเรียน 2 ปริญญาให้ด้วย

ส่วนโครงการผู้มีความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษของส่วนกลาง(MDX) รับจำนวนเท่าเดิม เพียงแต่โยกจำนวนที่นั่งไปลงโครงการ 2 ปริญญาเท่านั้นเอง


แพทย์ 2 ปริญญา

ซึ่งจะเป็นปริญญาตรีแพทยศาสตร์ และ ปริญญาโทวิทยาศาสตร์ เรามาดูกันว่า แพทย์ 2 ปริญญาทั้ง 2 โครงการนั้น มีอะไรบ้าง

  • สาขาวิชาการบริหารโรงพยาบาล (MHA)
  • สาขาวิชาวิทยาการข้อมูลและสารสนเทศสุขภาพ (MDH)

สิ่งที่จะต้องพิจารณาก็คือ

  • เรียนจบในหกปี ได้สองปริญญาคิดว่าเรียนไหวไหม
  • ค่าใช้จ่ายปีละ 300,000 บาท ในขณะที่โครงการปกติปีละ 36,000 บาท (โดยประมาณ)
  • คำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบก็คือ ถ้าเรียนไป 1 หรือ 2 ปี แล้วรู้สึกว่าสู้ไม่ไหวแล้ว จะขอเปลี่ยนไปเรียนแพทย์โครงการปกติได้ไหม?

ซึ่งใน 2 โครงการนี้ เด็กที่จะยื่น Portfolio ก็จะต้องไปสมัครและเรียน Course ที่ทางคณะกำหนดขึ้นสำหรับแต่ละสาขาวิชา


การยื่นและการสมัครรอบ Portfolio

จะเขียนบนพื้นฐานว่าจะสมัครของโครงการ MDX นะครับ (MD02 หลักการเหมือนกัน) แน่นอนอยู่แล้วว่า เด็กๆสามารยื่นได้เพียงแค่ 1 โครงการเท่านั้น MDX หรือ MD02

  • MDX สำหรับนักเรียนสัญชาติไทย ทุกโรงเรียนทั่วประเทศ
    • MDX-1 โครงการปกติ รับเฉพาะนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้น ม.6
    • MDX-MHA และ MDX-MDH รับทั้งเด็ก ม.6 และเด็กซิ่ว แต่อายุต้องไม่เกิน 25 ปี
  • MD02 สำหรับนักเรียนสัญชาติไทย ทุกโรงเรียนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
    • MD02-1 โครงการปกติ รับเฉพาะนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้น ม.6
    • MD02-MHA และ MD02-MDH รับทั้งเด็ก ม.6 และเด็กซิ่ว แต่อายุต้องไม่เกิน 25 ปี

ที่สำคัญ ของแพทย์ขอนแก่น ไม่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับผลการเรียน คือไม่ดูเกรดนั่นเองไม่ว่าจะเป็นเกรดเฉลี่ยหรือเกรดเฉลี่ยรายวิชา

Requirement อื่นๆ

เด็กๆสามารถยื่นได้ทั้ง 3 โครงการย่อย คือ MDX-1 / MDX-MHA / MDX-MDH โดยที่ขั้นตอนการพิจารณาก็จะนำเอาสิ่งที่เด็กๆส่งมาพิจารณาเปลี่ยนเป็นคะแนนของทางคณะเขา เพื่อคัดเลือกเด็กมาสัมภาษณ์

โดยสิ่งสำคัญที่คิดว่านำมาร่วมพิจารณาก็มี

  • คะแนน BMAT
  • คะแนน IELTS
  • Portfolio

ว่ากันว่าคะแนน BMAT มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้น การได้คะแนนมากๆก็อาจจะช่วยให้เรามีโอกาสมากขึ้น ช่วงหลังๆนี้ MDX ก็จะโหดหน่อย ขยับไปที่ 13++ กันเลยทีเดียว

เช่นเดียวกันกับ IELTS ที่ตาม Requirement แล้วบอกว่าขั้นต่ำคือ Level 1 หรือ แบนด์ 5.0 แต่ความเป็นจริงเด็กๆก็แข่งกันเยอะ ถ้าเราได้คะแนนขึ้นไปสัก Level 3 หรือ 6.0 ขึ้นไป ถ้าได้ 7UP ก็จะดีมาก

Portfolio ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญในการพิจารณา ไม่ต้องไปจ้างใครทำ ไม่ต้องสวยหรู แต่ให้นำเสนอข้อมูลที่คิดว่าทางคณะอยากจะได้อยากจะเห็น และสิ่งที่เราอยากจะให้ทางคณะเห็นที่พอเหมาะพอควร กิจกรรมต่างๆควรเขียนให้กระชับมีบทสรุปได้ใจความ โดยสิ่งที่ทางคณะอยากให้เรานำเสนอในหัวข้อกิจกรรมต่างๆเหล่านี้

  • ด้านวิชาการ
  • ด้านสังคม
  • ด้านความคิดสร้างสรรค์
  • ด้านความสามารถพิเศษ
  • ด้านจิตสาธารณะ
  • ด้านความเป็นผู้นำ

โดยจะต้องเป็นกิจกรรมที่ไม่ได้มาจากองค์กรที่จัดตั้งเพื่อธุรกิจทางการศึกษา เพราะจะสังเกตุเห็นได้ว่าช่วง 4-5 ปีนี้(โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง 1-2 ปีนี้) ได้เกิดธุรกิจประเภทจัดค่าย จัดดูงาน ฯลฯ โดยมีแรงจูงใจเป็นใบประกาศนียบัตร หรือเกียรติบัตร หรือ Certificate ให้นำไปใส่ portfolio ได้

กรณีที่เด็กสมัครทั้ง 3 โครงการย่อย ก็อาจจะมีชื่อติดสัมภาษณ์อยู่ทั้ง 3 โครงการย่อย แต่เมื่อถึงวันสัมภาษณ์ก็จะสามารถเลือกสัมภาษณ์ได้เพียงโครงการย่อยเดียว แล้วก็ไปวัดกันที่รอบสัมภาษณ์กันเลยว่าเยอะจะมากจะน้อยขนาดไหน ซึ่งหลายๆคนอาจจะเก็งเหมือนเก็งข้อสอบหรือเหมือนเก็งการยื่นโครงการของแพทย์รามา ที่ว่าอาจจะลดความเสี่ยง หลบไปยื่นอีกตัวที่คิดว่ามีคนยื่นน้อย ทำให้มีโอกาสติดมากกว่า แต่อย่าลืมว่า ถ้าเลือกแล้วก็ต้องอยู่ไปอีก 6 ปีเป็นอย่างต่ำ เพราะฉนั้นก็เลือกที่คิดว่าถ้าได้เรียนจริงๆแล้วเรียนได้ไม่หนักเกินไปสำหรับตัวเราเอง และ/หรือ ถ้าไม่อยากติดโครงการ 2 ปริญญา ก็ไม่ต้องสมัคร


เรามาสรุปกันว่า ทั้ง 3 โครงการย่อย จะต้องใช้อะไรอย่างไรบ้าง


อื่นๆ

ในช่วง 2-3 ปีหลังนี้ การสอบสัมภาษณ์ แต่ละมหาวิทยาลัยก็มักจะจัดให้ตรงกัน เพื่อป้องกันเด็กวิ่งรอบสอบเหมือนก่อนหน้านั้น(นำมาซึ่งที่นั่งที่ต้องว่างจากการสละสิทธิ์โดยที่ไม่สามารถเรียกตัวสำรองได้) ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยรอบนอกกรุงเทพ ก็ต้องหาวิธีการรองรับเพื่อให้ได้เด็กให้มากที่สุดตามที่วางแผนเอาไว้

ยกตัวอย่างจากปีที่ผ่านๆมา จำนวนเด็กที่ถูกเรียกสัมภาษณ์ จากหลายๆมหาวิทยาลัยก็มีหลายคน