ตรงนี้จะเอาที่ทางมหาวิทยาลัยมาตีความต่อ ตามความเข้าใจส่วนตัว ผิดถูกอย่างไรเดี๋ยวคงได้มาแก้ไขกัน เรามาเริ่มจากภาพสื่อประชาสัมพันธ์ที่ปรากฏบนหน้าเว็บไซด์ของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกันก่อนเลย ส่วนโครงการและจำนวนที่รับในแต่ละโครงการก็ยังไม่ได้เผยออกมา . . .
CHANGES !!!
มีความเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดที่สำคัญๆอยู่พอสมควรและบางเรื่องก็เป็นเรื่องที่ทำให้เด็กหลายคนไม่สามารถยื่น portfolio ได้ด้วยจริงๆ เดี๋ยวเราค่อยๆดูกันนะครับ
GPAX >= 3.50
ผลการเรียนเฉลี่ยสะสม หรือ GPAX ข้อนี้ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คือต้องได้อย่างน้อย 3.50 ขึ้นไป ซึ่งในหลายๆคนก็ยังไม่ได้มีปัญหามากเท่าไหร่ เพราะพยายามสะสมทำเกรดกันมา
ของรามาปีที่ผ่านๆมาใช้ GPAX 5 เทอม คือรวม ม.6 เทอม 1 ด้วย เพราะเขาใช้คำว่าเกรดเฉลี่ยจนถึงวันที่สมัคร ซึ่งโดยปกตอสมัครกันเดือนธันวาคมซึ่งเกรดของ ม.6 เทอม 1 ก็น่าจะออกแล้ว … แต่ปีที่แล้ว อันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด เลื่อนเรียน เลื่อนสอบ เลื่อนปิดเทอม ฯลฯ บางโรงเรียนเกรดก็ยังไม่ออก ก็ต้องใช้ 4 เทอมไป(โทรสอบถามทางคณะได้)
ผลการเรียนรายวิชา
อันนี้แหละที่สร้างปัญหาให้กับหลายๆคน ในช่วงเวลาที่ผ่านมา บางคนเกรดเฉลี่ยผ่าน 3.50 แต่เกรดบางวิชามันหินมาก จะให้ได้ 3.50 ขึ้นไปมันยากลำบากมาก แต่มาครั้งนี้ ไม่ได้กำหนด หรือ ยกเลิกผลการเรียนเฉลี่ย หรือ ผลการสอบ ของรายวิชาออกไปแล้ว ทำให้เด็กๆไม่ต้องมาซีเรียสกับเกรดเฉลี่ยในรายวิชาอย่างที่เป็นมา
ENGLISH PROFICIENCY
ถ้าใครเลือกสอบ TOEFL ก็ยังคงเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าใครสอบ IELTS ตรงนี้ต้องมาดูแล้วหละ เพราะนอกจากที่เคยระบุเอาไว้ว่าจะต้องได้ BAND 6.5 (Overall) ขึ้นไป แต่ในปีนี้ได้เพิ่มความเข้มข้นขึ้นมาอีกหน่อย เพราะจะมากำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำของแต่ละทักษะด้วย นั่นคือ ในแต่ละทักษะ ฟัง/พูด/อ่าน/เขียน (Listening/Speaking/Reading/Writing) จะต้องได้อย่างน้อย BAND 6.0 ขึ้นไปด้วย (แต่เดิมบางคนอาจจะถัวเฉลี่ยเอา Reading/Listening มาช่วย Writing/Speaking ดึง BAND ให้ขึ้นมา 6.5 ได้)
ACADEMIC ACHIEVEMENTS
ในส่วนของ Academic Achievements นั้น คะแนน BMAT เกณฑ์รวมขั้นต่ำก็หาได้เปลี่ยนแปลงไม่ นั่นคือคงอยู่ที่ 12C ตามที่เราท่องๆกันมา แต่จะมีการกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำของ Section I และ Section II ว่าอย่างน้อยจะต้องได้ 4.5 ขึ้นไปด้วย ซึ่งความเห็นส่วนตัว ใน Sections II นั้น เด็กไทยอาจจะถนัดหน่อย เพราะเป็นเรื่องของ Mathematics/Physics/Chemistry/Biology ก้ออาจจะพอได้อยู่ ส่วนใน Section I ก็อาจจะต้องลุ้นบ้างเล็กน้อย (แต่ลูกผมบอกว่ามั่นใจ Section I มากกว่า Section II อีก แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน)
คำถามข้อนี้เยอะมาก
สำหรับ BMAT ซึ่งถ้าให้ผมตีความเอาง่ายๆก็คือ ถ้าเราใช้คะแนนของปีที่แล้ว BMAT2020 ก็ยังน่าจะใช้เกณฑ์เดิมได้อยู่นั่นคือต้องได้อย่างน้อย 12C ขึ้นไป โดยไม่ได้ดูรายละเอียดว่า Section I & II จะได้เกิน 4.5 หรือไม่
และอีกข้อก็คือ ถ้าประกาศเป็นทางการในการรับสมัครเข้ารอบ Portfolio ของคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี ออกหลังจากวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 (ซึ่งเป็นวันประกาศผล BMAT2021) ก็ยังน่าจะใช้เกณฑ์เดิมได้อยู่นั่นคือต้องได้อย่างน้อย 12C ขึ้นไป โดยไม่ได้ดูรายละเอียดว่า Section I & II จะได้เกิน 4.5 หรือไม่
ส่วนคะแนน IELTS ก็เช่นเดียวกัน ถ้าผลคะแนนสอบของเรา ออกก่อนวันที่ทางคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดีออกประกาศรับสมัครมา ก็จะยังคงใช้เกณฑ์เก่าได้นั่นก็คือ BAND 6.5 ขึ้นไปเท่านั้น โดยไม่ต้องมาดูในแต่ละทักษะ
ซึ่งทั้งนี้ที่ปีนี้มี Option ให้สำหรับผู้ที่มีคะแนนเก่าก็เพราะว่า ประกาศเกณฑ์เพิ่มเติมที่กระชั้นชิดไปหน่อย แต่เชื่อว่าในปีถัดไป ก็ไม่น่าจะมี Option นี้แล้ว
แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเลือกใช้แบบผสมได้หรือไม่ (น่าจะได้) ยกตัวอย่างเช่น
- ขอใช้สิทธิ์ TCAS65 ที่ไม่เอาคะแนนเฉลี่ยรายวิชามาพิจารณา (เนื่องจากบางวิชาไม่ถึงจริงๆ)
- ขอใช้สิทธิ์ TCAS64 ที่คะแนน BMAT ไม่ต้องดูเกณฑ์ขั้นต่ำใน Section I & II
- ขอใช้สิทธิ์ TCAS64 ที่คะแนน IELTS ไม่ต้องดูเกณฑ์ขั้นต่ำในแต่ละทักษะ
+++ ปล. ความเห็นส่วนตัวนะครับ อ่านแล้วจับใจความได้อย่างนี้ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ รอประกาศทางการนะครับ +++