(รีวิวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการรวบรวมรีวิวของผมมาไว้ที่เดียวกันที่นี่เป็น ไดอารี่ท่องเที่ยวของครอบครัว ซึ่งเราไปเที่ยวมาสองปีที่แล้ว ดังนั้นอาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลานะครับ ขอบคุณครับ)
วันก่อน รีรันเรื่อง White Horse Hill Campground ที่เกาะใต้นิวซีแลนด์ไป ปรากฏว่า มีคนหลังบ้านมาถามว่า กำลังจะตัดสินใจพอดีเลยว่า จะขับรถธรรมดาหรือเป็นรถบ้านดี …รถบ้านขับยากมั๊ย ภายในตัวรถมีอะไรบ้าง จะไปหาที่จอดยากมั๊ย เข้าเมืองไปจอดที่ไหน ฯลฯ อะไรประมาณนี้
ผมบอกเลย ตอนวางแผน ตอนจอง ตอนจ่ายเงินไม่เคยคิดกลัวเลย แบบว่าอยากมาก ตั้งใจมาก แต่ ………
ตอนจะไปรับรถ จิตใจเริ่มฝ่อ…แหะๆ รถมันใหญ่มั้ย จะจอด จะกลับรถ จะกะจะมองเห็นมั๊ยเนี๊ยะ …..
ไม่เป็นไร …. มาดูว่า รถบ้านเป็นยังไง มีฟังค์ชั่นงานอะไรบ้าง ในรีวิวนี้ จะบอกถึงเรื่องต่างๆเหล่านี้เกี่ยวกับรถบ้าน
- บริษัทรถเช่า รถบ้าน
- ประเภทของรถบ้าน และ คุณลักษณะของรถที่ตรงกับความต้องการของเรา
- ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฏหมายจราจรนิวซีแลนด์ การขับนี่รถบ้านบนท้องถนนนิวซีแลนด์
- การรับ การคืนรถ
- ฟังค์ชั่นภายใน และ ภายนอกของรถ
- ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการดูแลรถ ระบบไฟฟ้า ของเหลว(น้ำดี น้ำเสียสิ่งปฏิกูล)
- ภาพที่เราไปจอดรถตาม campsite และ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ส่วนรายละเอียกแต่ละ Campsite, Campground หรือ area ที่จะจอดรถได้ ยกยอดไป Post ถัดไปนะครับ
รถบ้าน หรือที่เราเห็นเขาเรียกกันว่า Campervan บ้างก็เรียก Motorhome ตามแต่ถนัด เป็นอีกความฝันหนึ่งของเราเลยเมื่อนานมาแล้ว มาครั้งนี้มุ่งมั่นที่จะต้องใช้บริการให้ได้ ทั้งๆที่ในใจเองก็ยังหวั่นนิดๆว่า… เอาจริงหรอ …. จะขับได้หรอ …. กล้าขับหรอ …. ไปนอนตามป่าเนี๊ยะน๊ะ ….
จึงได้ศึกษา รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Campervan จากหลากหลายแห่งมาสรุปเพื่อการตัดสินใจ
บริษัทที่ให้บริการรถเช่านั้นก็มีหลากหลาย มีทั้งแบบ International Brand และมีทั้ง Local Brand และหลายๆ Brand ก็ทำตลาดผ่านตัวแทนขายอีกทีหนึ่ง บาง Brand ก็ทำแต่ Campervan บาง Brand ก็ทำรถเก๋ง และ แบบอื่นๆด้วย
ยกตัวอย่างบริษัทรถเช่าต่างๆดังนี้
- Britz Car Rental ซึ่งมีรถ Campervan 4WD และ รถเก๋งให้เลือกเช่าหลากหลายสายพันธุ์ www.britz.co.nz
- KEA Camper เป็นรถที่ ผลิตขึ้นในประเทศนิวซีแลนด์ และ จะมีเฉพาะรถ Campervan เท่านั้น เป็นคนละ Brand Name กับ Kia ของเกาหลีนะครับ KEA นี้แปลว่านกแก้วตัวใหญ่ๆ พบได้ที่นิวซีแลนด์ http://www.keacampers.com/
- United Campervans : เป็นBroker ที่มี Campervan ให้เลือกหลากหลาย Brand เช่น KEA, maui, Britz และ mighty http://www.unitedcampervans.co.nz
- Alpha Campervans http://www.alphacampervans.co.nz/ ปัจจุบันรวมเป็น Britz Car Rental ไปแล้ว
- Maui New Zealand : เป็น Brand ที่มีทั้ง Campervan และ Car ให้เลือก เป็น Brand ที่เราเลือกในการเดินทางครั้งนี้ของเราซึ่งต้องขอบอกว่า เป็นประสปการณ์ที่ดีและประทับใจมากๆ http://www.maui.co.nz/
- Apollo เป็นบรษัทที่มีบริการอยู่ในหลากหลายประเทศทั้งออสเตรเลีย อเมริกา มีรถหลากหลายแบบให้เลือก ทั้ง Car, Campervan และ อื่นๆ http://www.apollocamper.co.nz
- Jucy Rentals ผู้ให้บริการสัญชาติออสเตรเลีย มีให้บริการอยู่ทั้งในนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และ สหรัฐอเมริกา ด้วยรถที่มีสีเขียวโดดเด่น จึงจำได้ง่าย http://www.jucy.co.nz/
- Acacia Rent a Campervan เป็นบริษัท Agent ที่ทำหน้าที่ฝ่ายขายให้กับหลายๆ Brand บางครั้งอาจจะได้ดีลที่ดีกว่า และอย่างที่บอก บาง Brand ก็จะไม่ทำการตลาดเอง จะให้พวก Agent เหล่านี้เป็นคนขาย http://www.rentacampervan.co.nz/
- Transfer Car เป็นการ ขับฟรีโดยไม่ต้องเช่า โดยมากจะเป็นรถที่ทางผู้เช่ารายอื่น เช่าแบบขาเดียว เช่นจาก Christchurch ไป Queenstown แต่ไม่ค่อยมีลูกค้าเช่าจาก Queenstown มา Christchurch ดังนั้นทางผู้ประกอบการต้องการที่จะเอารถกลับมาที่ Christchurch ก็จะประกาศหานักท่องเที่ยวหรือใครก็ตามที่จะสามารถขับกลับมาส่งให้เขาได้ที่ Christchurch โดยไม่ต้องเสียค่าเช่า จะมีทั้งที่เขาให้ insurance ด้วย และมีทั้งที่เขาให้น้ำมันฟรีด้วย ลองเข้าไปดูรายการ update ได้ที่นี่ครับ https://www.transfercar.co.nz/
ลองเข้าไปเลือกสอบถามราคาและพิจารณาดูนะครับ
นอกจากนี้ก็มีบริษัทใหญ่ๆที่บ้านเรารู้จักกันดี แต่ส่วนใหญ่จะให้บริการเฉพาะรถเก๋ง เช่น
- AVIS New Zealand :: http://www.avis.co.nz/
- BUDGET New Zealand :: http://www.budget.co.nz/
ก่อนอื่น เราควรที่จะต้องรู้ถึงความต้องการและข้อจำกัดของเราก่อน จดออกมาเป็นข้อๆเลย เวลาหา หรือ คุยกับทางตัวแทน จะได้ตรงประเด็น
รถที่พอจะเรียกว่าเป็นรถบ้านนั้น มีหลากหลายรุ่น ยี่ห้อ โมเดล ขนาด
- งบประมาณในการเช่าต่อวันโดยคร่าวๆ
- ขนาดกี่ที่นอน เช่น 2 Berth, 3 Berth, 4 Berth หรือ 6 Berth ฯลฯ
- ห้องส้วม (Toilet) บางคันก็จะไม่มี ห้องน้ำ ห้องส้วม เพราะถือว่า สามารถไปใช้ตาม Campsite ต่างๆได้
- ห้องอาบน้ำ (Shower) + ต้องการน้ำอุ่นด้วย
- ตู้เย็น (Fridge)
- Microwave
- เตาแกส เตาอบ (Stove)
- เครื่องทำความร้อน (Heater)
- LCD TV จำเป็นมั๊ย แต่ถ้าเขาให้มาก็ช่างเหอะ คันที่ผมเช่าก็มี แต่ไม่เคยใช้เลย
- โต๊ะสนาม เก้าอี้สนาม เตา BBQ สนาม
- Automatic / Manual Transmission อันนี้สำคัญโดยเฉพาะสำหรับผมที่ไม่เคยขับรถเกียร์ธรรมดา หรือ เกียร์ manual ดังนั้น เราจะต้องหาและระบุไปเลยว่า ต้องการเกียร์ออโต เพราะว่าหลาย Brand หลายรุ่น หลายยี่ห้อ จะมีแต่เกียร์ธรรมดา และ ส่วนใหญ่เขาก็จะระบุว่า ไม่รับประกันว่าเราจะได้รถเกียร์ออโต้ แต่บาง Brand บางรุ่น จะเป็น เกียร์ออโต เท่านั้น และการระบุเกียรออโตอาจจะต้องเพิ่มเงิน(เหมือนกับเป็น Option หนึ่ง)
เราจะเลือกรถรุ่นไหน แบบไหน สามารถดูรายละเอียดภายในภายนอกได้จากเวปไซด์ของเขา อีกทั้งยังมี คลิปวิดีโอ ให้ชมใน youtube อีกด้วย (Brand ที่ผมเลือก เขามีคลิปวิดีโอให้ชมถึงการใช้งานฟังค์ชั่นต่างๆ ทำให้เราสามารถทำความเข้าใจล่วงหน้าได้
(รูป Campervan ผมนำมาจาก Website ของผู้ประกอบการ)
2 Berth Campervan
เหมาะสำหรับคู่รัก หรือ เพื่อนรัก ที่สามารถไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบ รถขนาดก็ไม่ได้ใหญ่มาก ประมาณว่ารถตู้รุ่นเก่าบ้านเรา
3 Berth Campervan
4 Berth Campervan
6 Berth Campervan (รุ่นนี้เป็นรุ่นที่เราใช้ และรู้สึกว่าจะเป็น Campervan ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เห็นวิ่งอยู่)
เดี๋ยวช่วงต่อไปจะเฉลยว่า ทำไมเราไปสามคนถึงได้เลือกรุ่นนี้
อีกเรื่องที่เราจะต้องคำนึงถึงก็คือเรื่องเกี่ยวกับการประกัน ต่างๆ ส่วนใหญ่การเช่ารถจะรวมค่าประกันอุบัติไว้แล้ว แต่ไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด แต่เขาก็จะมี Option เพื่มเติมให้เราเลือกเป็นแบบ Premium Package ซึ่งจะครอบคลุมทุกอย่าง แต่ก็ต้องดูดีดี เพราะบาง Brand ก็จะไม่รวมถึงกรณี Roll-Over หรือรถหงายท้อง
รถที่เราเช่าเป็นแบบ 6 Berth ทั้งๆที่เรามีกันแค่ 3 คน แล้วอีก 3 ที่จะเอาไปให้ใครนอน
เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า เราก็คุยกับหลายๆยี่ห้อแล้วมาปิ๊งกับ maui นี่แหละ เพราะเห็นว่า รูปลักษณ์อุปกรณ์ดูแล้วค่อนข้างดี อ่านจากรีวิวชาวต่างชาติก็โอเค ก็เลยเจาะลึกข้อมูล โดยมองหาที่แบบ 4 Berth
แต่ปรากฏว่าช่วงเวลานั้น กำลังมี promotion ของ 6 Berth ซึ่งราคาดีมาก และตรงตามความต้องการของเราทุกอย่าง ก็เลยตกลงเป็นรุ่นนี้ไปเลย
คันนี้เลยครับ ดูรูปร่างหน้าตา ก็ใหญ่มากเหมือนกันน๊ะ ตอนเห็นครั้งแรกแอบกลัว อิอิ มันน้องๆรถบรรทุกเลยน๊ะนั่น แต่ว่าสุดท้ายปลื้มมากกับคันนี้ กว้างขวางอยู่สบาย ไร้ที่ติ ดีกว่าอยู่คอนโดอีก เดี๋ยวด้านล่างๆจะมีรูปบอกนะครับว่าด้านในมีอะไร ใช้งานยังไง
กฏจราจรขั้นพื้นฐานสำหรับผู้ขับขี่รถในนิวซีแลนด์
โดนรวม โดยคร่าวๆแล้ว กฏหมายสำหรับรถเก๋งกับรถบ้านก็ไม่ได้เห็นมีอะไรแตกต่างกันแบบจำเพาะเจาะจงไม่ ดังนั้น ก็เลยขอพูดเหมารวมยกเข่งก็แล้วกันนะครับ
สิ่งแรกที่จะต้องมี นั่นก็คือ ใบขับขี่่
ใบขับขี่ – ใบขับขี่สากล
ประเทศนิวซีแลนด์ยอมรับใบขับขี่ของชาติอื่นๆ ที่มีรายละเอียดเป็นภาษาอังกฤษ (ชื่อ – นามสกุล) ซึ่ง ถ้าเรามีใบขับขี่แบบใหม่ ก็สามารถนำไปใช้ได้เลย แต่ถ้าไม่มี ก็สามารถ ไปขอทำบัตรใหม่ได้ ใช้เวลาไม่นาน แป๊บเดียวเอง แต่ถ้าใครจะไปทำใบขับขี่สากล ที่เป็นสมุดกระดาษ ติดตัวไปด้วยก็ตามสะดวกครับ พอดีผมเห็นว่าเขาเขียนไว้ในกฏระเบียบของเขาชัดเจนก็เลยลุยด้วยใบขับขี่นี้เลยครับ และก็ผ่านได้ฉลุยตั้งแต่ด่านแรกนั่นก็คือจุดรับรถ ที่เขาจะต้องตรวจสอบใบขับขี่เราก่อนเลย
กฏจราจรนิวซีแลนด์
เรายังถือว่าเป็นพวกอ่อนหัด ในการขับขี่รถต่างบ้านต่างเมือง เพราะครั้งนี้เป็นเพียงแค่ครั้งที่สองของเรา ครั้งแรกเราไปขับที่ประเทศอังกฤษ โดยล่องจากเมือง Edinburgh ลงมาเรื่อยๆ แวะเมืองโน้นเที่ยวเมืองนี้ Lake district, Manchester, จำม๊ะได้แล้ว จนมาคืนรถที่สนามบินฮีทโธวล์ที่ลอนดอน แต่มาครั้งนี้ อาจจะพิเศษกว่าครั้งที่แล้วตรงที่ว่า มันเป็นรถคันใหญ่มาก ขนาดพอๆกับรถ minibus เลยมั้ง สูง 3.35 เมตร ยาว 7.22 เมตร การจะเลี้ยว จะเดินหน้า ถอยหลัง คงต้องลุ้นกันเป็นฉากๆ
โชคดีของเราก็คือ การขับรถที่นี่ ขับชิดซ้าย เป็นรถพวงมาลัยขวา เหมือนบ้านเรา ดังนั้น ตัดเรื่องความสับสนในเรื่องนี้ออกไปได้เลย ในเรื่องอื่นๆ ทางการนิวซีแลนด์ได้จัดทำเอกสารเป็นภาษาไทยให้กะเหรื่ยงอย่างเราได้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น ผมขอยกมาแปะให้เลยละกันนะครับ (ทั้งนี้ ที่เห็นนี้เป็นข้อมูลเมื่อปี 2013 กรุณาตรวจสอบการ update ด้วยนะครับ)
เท่านี้เราก็น่าจะพอเข้าใจได้ง่ายๆแล้วนะครับ ยังมีป้ายการจราจรบางอย่างที่ เราอาจจะไม่คุ้นเคย แต่ความจริงก็เข้าใจได้ง่าย จะขอเอามากล่าวคร่าวๆ นะครับ เวลาไปเจอจริงๆ จะได้คิดถึงผมบ้าง 5 5 5
One Lane Bridge :: ป้ายนี้ จะเจอบ่อยมากในประเทศนี้ เพื่อที่จะบอกว่า ข้างหน้าจะมีสะพาน ซึ่งจะมีแค่ช่องการจราจรเดียว ให้ใช้ร่วมกันระหว่างวิ่งไป และ วิ่งสวนมา ก่อนถึงสะพานก็จะมีเส้นขีดบนถนนบ่งบอกถึง One Lane Bridge STOP เพื่อให้รถวัดใจกันว่า จะให้ใครไปก่อน โดยมากก็คือ ใครมาถึงก่อนก็ควรที่จะได้ไปก่อน อีกฝ่ายก็ควรหยุดรอ แต่ไม่ต้องกังวลหรอกครับ เอาแค่เจอรถวิ่งสวนกันบนท้องถนน ยังไม่ค่อยจะเจอเลยครับ ดังนั้น นานๆถึงจะเจอมาสวนกันที่สะพานสักที แถมการขับขี่ก็ตั้ง Speed Limit ไม่เกิน 100 อยู่แล้ว ก็ไม่ได้ขับกันเร็วมากมาย
Passing Lane :: เนื่องจากถนนส่วนใหญ่จะเป็นแบบสองเลน เลนนึงวิ่งไป เลนนึงวิ่งสวนมา ดังนั้น แน่นอนว่า กรณีที่มีรถที่วิ่งช้ากว่า Speed Limit ที่เขากำหนดไว้ จะทำให้รถด้านหลังออกันเป็นแถวยาว ดังนั้น เขาจะมีช่วงหนึ่งที่เขาจะเพิ่มเลน เพื่อให้รถช้าวิ่งชิดซ้าย แล้วให้รถเร็ววิ่งแซงขึ้นไปได้ ซึ่งเมื่อมาถึงช่วงที่เป็น Passing Lane เขาก็จะมีป้ายบอกว่า KEEP LEFT UNLESS PASSING นั่นก็คือ ให้ชิดซ้าย เว้นเสียแต่ว่าเราอยากจะแซงเจ้าคันข้างหน้านั้น ซึ่งจากการขับครั้งนี้ มีข้อสังเกตุตามมารยาทว่า เมื่อเราชิดซ้ายแล้ว เราก็ควรที่จะลดความเร็วลงหน่อยนึง เพื่อให้คันหลังสามารถแซงข้นไปได้สะดวก เพราะช่วงที่มีเลนให้แซงนั้น น่าจะยาวประมาณ 1 กม ได้มั้ง หลังจากนั้นก็กลับมาเหลือเลนเดียวเหมือนเดิม
Slow Vehicles Bay :: อย่าดีใจไปว่า กำลังจะเจออ่าว เจอทะเลข้างหน้า แต่จะเป็นเวิ้งให้สำหรับรถใหญ่ หรือ รถช้า หลบให้กับรถที่เร็วกว่า แต่ไม่ได้เป็นเลนที่เป็นกิจลักษณะเหมือน Passing Lane
No Freedom Camping :: ในแต่ละเมืองก็จะมีการจัดการของตัวเองที่จะระบุว่า พื้นที่ไหนที่สามารถ หรือ ไม่สามารถ ที่จะจอดรถเพื่อทำการ Camping และ ส่วนใหญ่แล้ว พวกที่จะจอดพักแบบ Freedom Camping นั้น campervan ของเขาควรจะต้องเป็นแบบ Self Contained ซึ่งก็หมายความว่ามีห้องน้ำห้องส้วมพร้อมนั่นเอง
Dump Station :: ไว้สำหรับถ่ายเทของเสียจากห้องน้ำและน้ำใช้ในรถของเรา จะเจอป้ายนี้บ่อยๆ ตามทางที่วิ่งไปมาระหว่างเมือง
การรับ – การคืนรถ
Office สำหรับรับรถ จะอยู่ติดกับสนามบินเลย ดังนั้น ถ้าใครมาถึงในช่วงเวลาที่เหมาะสม อยากรับรถไปเลยก็ได้ แต่เราอยากพักจากการนั่งเครื่อง ก็เลยนอนพักที่ Christchurch ก่อนหนึ่งคืน เช้าถึงจะมารับรถเพื่อเริ่มออกผจญภัยกันต่อไป
เรามาถึง เจ้าหน้าที่ที่ Counter ก็ขอดูเอกสาร (Passport) ใบขับขี่…. เออ อืมมม เรียบร้อยทุกอย่าง
จ่ายเงินแล้ว online check-in มาแล้ว
ก็เลยถามเราว่า จะดู VDO วิธีการใช้งานรถก่อนมั๊ย
เราก็เลยบอกว่า เราดูจาก Youtube มาหมดแล้ว
แต่เขาก็ขอให้เราดูอีก (เราเห็นแล้วว่า พนักงานรับเรื่องต่อยังไม่มี เห็นมีคนกำลังส่งรถให้ลูกค้าอยู่หนึ่งคน)
เราเลยต้องมานั่งดูอีกรอบนึงอย่างผ่านๆ (บอลล์ บอลล์ มีหน้าที่ในการดูและจำฟังค์ชั่นการใช้งาน)
จริงๆเราก็มี download มาเก็บไว้ใน Notebook แล้วหละ
แต่ถ้าใครสนใจ ลองเข้าไป Search หาดูใน Youtube ได้นะครับ ตามยี่ห้อตรงรุ่นที่เราจะไป เหมือนกันเด๊ะ
เวลาเราไปรับรถ ก็จะรู้สึกเหมือนกับว่า เคยขับ เคยใช้มาก่อน
คือที่นี่เหมือนจะเป็น Broker คอยรับส่งรถหลายยี่ห้อหลายแบนด์เลยครับ
ประมาณเกือบสิบโมง จึงได้คิวของเรา
อันดับแรก ขอใบขับขี่ตรวจสอบก่อนเลย ก็ใช้ใบขับขี่ของเมืองไทยรุ่นใหม่ที่มีชื่อภาษาอังกฤษ ก็โอเคครับ
แล้วมีการพูดคุยเรื่อง Condition ต่างๆ ตามที่เราจองมาว่ารวมโน่นนี่นั่น อะไรบ้าง ประกันรวมขนาดไหน เขาบอกว่าไม่รวม Roll Over น๊ะ จะซื้อเพิ่มมั๊ย
เราก็คิดๆดูแล้ว ไม่รวมก็ไม่รวม เราคงไม่ทะลึ่งไปขับบนถนนที่มันไม่ใช่ถนนจนพลิกคว่ำหงายท้องแน่นอน
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเราก็มารับรถ เขาขับมาจอดให้ตรงด้านหน้าเลย เนื่องจากคันใหญ่ก็เลยมาจอดด้านนอก
โอวววววววว….แม่เจ้า …มันบักเฮ๊บขนาดนี้เลยหรอ ท่าทางจะสนุกแล้วหละ หุหุ
เดินตรวจรถก่อนนะครับว่า อยู่ในสภาพเรียบร้อยดีไหม เราก็เห็นว่าก็มีรอย โน่นบ้าง นี่บ้าง นิดๆหน่อยๆ แต่เราไม่ซีเรียส เพราะยังไงประกันเราก็ Cover ทุกอย่างอยู่แล้ว แต่ก็หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปรอยต่างๆ ตบท้ายด้วยถ่าย VDO รอบคัน ไม่ได้ใช้ก็ไม่เสียหายอะไร
หลังจากนั้นก็มาดูในตัวรถ
พนักงานสาวคนนี้ ลืมไปเลย ว่าเป็นอีกคนที่ Service mind ต่ำไปนิด เราถามอะไรก็บอกให้ไปดูใน VDO
พอหล่อนไป Start รถ ก็มีไฟแจ้งเตือนโชว์ที่หน้าปัท เลยต้องขับรถเข้าไปโรงซ่อมด้านหลัง
กว่าจะกลับมาก็เกือบเที่ยงแล้ว เลยให้บอลล์ บอลล์ กับคุณแม่ ไปซื้อ McDonald ที่อยู่ข้างๆ ไว้กินระหว่างเดินทาง
รวมแล้ว ด่านแรก เสียเวลามากกว่าที่คิดไป 2 ชั่วโมง
ในวันที่เรามาส่งรถ เราก็ต้องทำความสะอาดรถ เทถังของเหลวให้เรียบร้อย
เมื่อนำมาคืน เขาก็ไม่ได้ตรวจอะไรมากมาย ดูโดยรวมแล้วก็บอกว่า Good OK แล้วให้เรานั่งรอแป๊บเดียวก็จะมีรถตู้มารับเราพร้อมสัมภาระไปส่งที่สนามบิน สะดวกสบายทุกอย่าง สุดยอดแห่งทริปเลย
ฟังค์ชั่นภายใน และ ภายนอกของรถ
รูปนี้ถ่ายจากด้านหลังรถมาด้านหน้า จะเห็นว่า ด้านซ้ายระดับหัว จะเป็นเตาไมโครเวฟ ล่างลงมาก็เป็นพื้นที่เตรียมของวางของ ถัดไปก็เป็นซิ๊งค์ล้างจาน ถัดไปอีกก็เป็นเตาแก๊ส เตาไฟฟ้า ข้างล่างก็เป็นเตาอบ
ดู้ด้านล่างก็จะมีหม้อ จาน ชาม ช้อน แก้วน้ำ ตะหลิว กะทะ มีด มีดทำครัว เขียง ฯลฯ ครบทุกอย่างที่พ่อบ้านแม่ครัวอยากได้ไว้ใช้ทำอาหาร
ส่วนขวามือก็เป็นห้องน้ำ หน้าห้องน้ำระดับพื้นที่เห็นนั่นคือ Heater เครื่องทำความอุ่นความร้อน
พื้นที่ใช้สอยเวลาทำครัวก็สะดวกสบายดีนะครับ มุมสบายๆสำหรับแม่บ้าน อุปกรณ์เครื่องใช้ที่เห็นทั้งหมดเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับรถนะครับ
ตรงด้านข้างเตาก็จะมีมีแผง Breaker Console ควบคุมระบบไฟต่างๆภายในตัวรถทั้งหมด
ปลั๊กไฟเป็นแบบสามขาอย่างที่เห็นนะครับ
ด้านหลังคนขับเป็นโต๊ะสำหรับนั่งทำอาหาร นั่งทำงาน นั่งเล่น ตัวโต๊ะสามารถถอดออกได้ และในเวลากางคืนทำเป็นเตียงได้ 2 ที่นอน อีกด้านหนึ่งของโต๊ะก็คือห้องน้ำนั่นเอง
ด้านบนหลังคาคนขับ เป็นเขตหวงห้ามเด็ดขาดของ บอลล์ บอลล์
ห้ามผู้ไม่ได้รับอนุญาติเข้าห้องนอนเขา นอนได้ 2 คน 5 5 5 กลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวเลย
ภาพนี้ตอนรับรถ ที่เห็นเป็นห่อๆพลาสติกนั่นก็คือเครื่องนอน หมอนผ้าห่ม มีให้ครบ 6 ชุด สุดยอดเลย เราชอบหมอนเยอะอยู่แล้ว แถมผ้าห่มที่นี่แบบว่าเอาหนาวอยู่เลย ขนาดนอนไม่ได้เปิด Heater แค่ห่มผ้าห่มก็สบายๆออกร้อนซ๊ะด้วย
ที่เห็นดำๆมุมซ้ายบนก็คือ LCD TV มีเครื่องเล่น DVD ให้ด้วย แต่ทั้งทริปเราไม่ได้ใช้เลย เพราะมีทั้ง notebook iPad iPhone และสิ่งอื่นๆเช่นวิวทิวทัศน์ น่าสนใจกว่า
ด้านหลังเป็นเบาะนั่งสบาย หน้าต่างกระจกรอบด้าน
กลางคืนสามารถจัดเป็นเตียงนอนได้อีก 2 ที่นอน พอเราจัดเป็นเตียงคืนแรกเราก็ไม่เก็บอีกเลย ให้บอลล์ บอลล์ได้นอนกลิ้งเล่นระหว่างวันได้ และตรงช่องตรงกลางเราก็ใช้เป็นที่เก็บกระเป๋าสัมภาระ
ด้านบนก็ยังเป็นตู้เก็บของเก็บได้มากมาย เพราะมีรอบคันเลย เก็บจนจำไม่ได้เลยว่าอะไรอยู่ตรงไหน 5 5 5
ส่วนของเรา คนขับ
เกียร์ออโต้ ลองนั่งดูแล้ว น้องๆรถบรรทุกเลย แต่ทัศนวิสัยถือว่าดีเยี่ยม สามารถมองเห็นได้ครบ ซ้ายขวาหน้าหลังอย่างชัดเจน ยกเว้นส่วนสูงเท่านั้น แต่ก็มีป้ายเหลืองๆติดเตือนไว้ว่า รถยาว 7.20 เมตร (แม่เจ้า) สูง 3.3 เมตร (My God)
ติดตั้งกล้อง Full HD (เอามาเอง ทุกวันนี้ก็ยังใช้อันนี้อยู่) เพื่อถ่ายตลอดทางที่เราไป ความจุ 32 GB ถ้าตั้งเป็น FullHD จะได้ประมาณ 5 ชั่วโมง เราก็เลยซื้อ memory เพิ่มไปอีก 1 อัน มี GPS แถมมาให้ด้วย แต่ใช้ไปได้สักพักก็ใช้ไม่ได้(หรือใช้ไม่เป็นไม่รู้)
ที่นั่งฝั่งเนวิเกเตอร์เรา จะมีคู่มือ แผนที่ First Aid Kit ฯลฯ อยู่ในช่องด้านหน้า
ด้านหลัง มุมมองสามารถมองทะลุกระจกออกไปได้เป็นมุมกว้าง
กลางคืน ก็จะมีเจ้าหน้าที่ตัวน้อยๆมาปูเตียงให้อย่างว่องไว ง่ายๆเลยครับ แค่นี้ก็นอนสบายกว้างขวางด้วย
ด้านข้างรถ สามารถกางผ้าใบออกมาได้ บางที่จอดก็จะมีโต๊ะสนามให้ด้วย แต่ถ้าไม่มี รถเราก็มีมาให้
เวลาเราไปจอดตาม Campsite ต่างๆ ก็จะมีจุดให้เราเสียบปลั๊กไฟเพื่อชาร์ตไฟในรถ และ อุปกรณ์บางอย่าง จำเป็นต้องเสียบปลั๊กแบบนี้ถึงจะทำงานได้เช่น เครื่งทำความอุ่น(Heater) ที่จอดที่มีที่เสียบปลั๊กชาร์ตไฟเรียกว่า Power Campsite
จะเห็นว่าด้านข้างมีช่องเล็กช่องน้อยมากมาย ช่องใหญ่ใกล้คนขับเป็นช่องเก็บถังแก๊สทำครัว
ช่องด้านข้าง ก็จะมีอุปกรณ์ต่างๆ
ถังและอุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ
สายยางสำหรับถ่ายเทน้ำสะอาดและน้ำเสีย เส้นไหนเป็นเส้นไหนจำไม่ได้แล้ว แต่เขามีเขียนกำกับไว้ (อีกเส้นอยู่ในถุงดำ น่าจะเป็นน้ำเสียน๊ะ อิอิ)
ช่องอีกด้านก็จะเป็นที่เก็บของ ที่เห็นก็คือโต๊ะที่อยู่ตรงกลางพื้นที่ด้านหลังที่เราถอดออกและปูเป็นเตียงนอน ในนี้สามารถเก็บโต๊ะเก้าอี้สนาม กระเป๋าเดินทางก็ได้
Campsite ส่วนใหญ่จะมี Dump Station สำหรับถ่ายเทของเสีย
เมื่อเปิดประตูออกด้านข้าง ตรงทางออกจะมีสวิชไฟเปิดปิดเพื่อให้มีขั้นบันได เพื่อความสะดวกในการเดินขึ้นลง
จุดจอดรถต่างๆที่เราไปจอด
ภาพเหล่านี้แสดงถึงจุดจอดรถต่างๆที่เราไปจอด ทั้งจอดในเมือง หรือ จอดตาม Campsite ต่างๆ
ที่จอดรถคืนแรกของเรา TOP 10 Kaikoula
สามารถจอดรถริมทางในแนวขนานกับถนนได้ครับ ภาพนี้ที่เมือง Cheviot บนทางระหว่างเมือง Kaikoula กับเมือง Christchurch
บนเส้นทาง Great Alpine Highway Scenic Route – Castle Hill ตรงนี้เขาจะมีแบ่งเป็นช่องๆให้เลย
จอดริมทะเลสาบ Lake Pear มาคราวหน้าจะมาจอดนอนพักที่นี่สักคืน ไม่มีอะไรเลยนะครับ เหมือนจอดริมทะเลสาบกลางป่า
จอดที่ Campsite เมือง Wanaka
จอดที่ Lake Gunn ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีน้ำประปา ชอบมากที่นี่ มาคราวหน้า ก็จะมาจอดที่นี่อีก
จอดที่ TOP 10 Queenstown ตำแหน่งดี สามารถเดินไปช๊อปปิงย่านกลางเมืองโดยทางลัดไม่ถึงร้อยเมตร เดินไปขึ้น Skyline สู่ยอดเขาที่เห็นด้านหลังด้วย เราจอดที่นี่สองคืนเลย
จอดที่ TOP 10 Fox Glacier สวยมาก วิวสวย
ส่วนภาพนี้จอดตรงสวนสาธารณะกลางเมือง Wanaka
จอดแล้วเดินไปชม Fox Glacier เดินกันพอได้เหงื่อเลยครับ แต่อากาศหนาวจริง
แวะซื้อปลาแซลม่อนที่ริมทะเลสาบ Lake Pukaki
และที่พลาดไม่ได้สำหรับทริปนิวซีแลนด์ก็คือ Lake Tekapo – Church of the Good Shepherd
รีวิวที่เกี่ยวกับ New Zealand ที่ผ่านมา
NEW ZEALAND :: WHALE WATCH นั่งเรือฝ่าความหนาว ไปดู….วาฬ กัน
NEW ZEALAND :: White Horse Hill Campground สวรรค์ของคนขับรถบ้าน … สวยจริงฟินสุดยอด
NEW ZEALAND :: Glacier Explorers ล่องเรือสัมผัสและชิมกราเซียกลางทะเลสาบ Lake Tasman
NEW ZEALAND :: Luge Gondola Skyline @Queenstown สุดยอดแห่งความสวยงาม