จำความได้ว่า วันนั้น เป็นเช้าของวันพิธีมอบรางวัลและเกียรติบัตรให้กับนักเรียนที่ทำคะแนนได้ดีในการสอบ Samsen Pre-Test 2019
ผมไม่ได้เป็นกรรมการสมาคมฯ ผมไม่ได้เป็นเครือข่ายผู้ปกครอง แต่ผมเป็นผู้ปกครองที่มาช่วยงานในส่วนที่ที่คิดว่าตัวเองพอจะช่วยได้
ระหว่างที่รอนักเรียนและผู้ปกครองทยอยกันเข้ามาลงทะเบียน ก็ยืนคุยกัน 4 คน มีผม กรรมการสมาคมอีก 2 ท่าน และ นายกสมาคมอีกหนึ่งท่าน ซึ่งเอาจริงๆทุกคนก็จะพอทราบว่า ลูกผมไม่ได้เรียนเก่ง แต่ผมเขียนเรื่องเกี่ยวกับสามเสนเอาไว้เยอะ เลยดูเหมือนลูกเรียนเก่ง และปีนั้นก็จะเป็นปีที่จะต้องขึ้น ม.4 ซึ่งห้องที่เขาคาดหวังเอาไว้คือ EP วิทย์ แต่ด้วยคะแนนเกรด ณ ตอนนั้น อาจจะมีปัญหา (สมัยนั้น EP วิทย์มีแค่ 2 ห้อง รับเด็กเก่า EP สามเสน 50 คน(จาก 120 คน) สอบเข้าใหม่ 10 คน) ผมก็เลยตั้งใจให้ลูกไปสอบเข้ามาใหม่
กรรมการท่านหนึ่งก็เปิดเรื่องขึ้นมาโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของลูกชายผมว่า เป็นยังไงมั่ง จะได้เรียนต่อห้องไหน ผมก็ตอบไปตามตรงว่า คงต้องไปสอบเข้ามาใหม่ กรรมการอีกท่านหนึ่งก็เลยชงเรื่อง
“เฮ๊ย พี่ ช่วยงานสมาคมฯมากขนาดนี้ นายกฯ ช่วยอะไรได้ไหมครับ?”
นายกก็เป็นเพื่อนผู้ปกครองห้องเดียวกันกับผมและเป็นคนชวนผมมาช่วยงานเกี่ยวกับ Samsen Pre-Test ตั้งแต่ต้น ก็รีบตอบกลับทันที
“อ่าว หรอ เอาชื่อนามสกุล เลขประจำตัวมา ลูกคุณต้องได้เรียนสิ ได้เรียนแน่นอน”
มันมีข้อหนึ่งของเด็กเงื่อนไขพิเศษข้อที่ 7 ที่กล่าวไว้ว่า
7. รับนักเรียนของผู้ทำคุณประโยชน์ให้โรงเรียนอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งในใจผมก็ทราบอยู่ แต่ไม่เคยคิด และไม่คิดว่าคนอย่างผมจะคิด จึงตอบไปอย่างตรงไปตรงมาว่า
ถ้าเขาสอบเข้าไม่ได้ หรือไม่ได้เรียนเพราะความสามารถไม่ถึง ก็ไม่สมควรเรียนที่นี่ ผมก็กำลังเตรียมหาแผนสองหาที่เรียนให้เขา
วงแตก ทันที . . .
ทั้งนี้กำลังจะวกเข้าสู่เรื่องราวของคำว่า “ผู้ปกครอง” ในตอนต่อๆไป