ที่บอกว่าสำคัญมากก็เพราะว่า มันยาก และกว่าจะคั้นออกมาได้ บางทีต้องคั้นน้ำตาก่อนด้วย เด็กบางคนรู้ตัวตนตั้งแต่เนิ่นๆก็ดีไป สามารถวางแผนเตรียมตัวได้ก่อน เห็นเส้นทางเดินก่อน . . .
มาปักธงกัน !!!
จบ ม.3 ก็คุยกับลูกว่า จะไปทางไหนอย่างไร ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็คาดเดาไม่ยาก “ยังไม่รู้เลย” “บอกไม่ถูก” ฯลฯ
สุดท้าย… ก็ได้ตามที่พ่อแม่แนะนำไว้ก่อน เพราะพ่อแม่มีสายอาชีพมาทางด้านนี้โดยตรง และที่สำคัญ พี่สาว(ลูกพี่ลูกน้องของเขา) ก็จบมาทางด้านนี้ และมี Carrier Path ที่ดียิ่ง นั่นก็คือที่ Computer Engineering ของ MUIC
เราก็เล่าให้ฟังถึงชีวิตการทำงาน ลักษณะงาน … ฯลฯ … ถามลูกว่า งานแบบนี้พอได้ไหม? ลูกก็เหมือนกับว่าสัมผัสกับอาชีพนี้ผ่านทางพ่อแม่มาตั้งแต่จำความได้ละมั้ง ก็เลยรู้สึกว่ามันก็โอเค แต่เราดูแล้ว เหมือนยังไม่เต็มที่ … แต่อย่างที่บอก มันต้องมีเป้าหมายอะไรบ้าง อย่างน้อยก็ใช้ในการวางแผนการเรียนในระดับมัธยมปลาย..เมื่อเดินหน้าไปแล้ว จะมีอะไรเปลี่ยนแปลง เกิดไปชอบพอกับคณะอะไร(ไม่ใช่ไปชอบพอกับใคร นะ) ก็ไม่น่าจะห่างจากที่ได้เตรียมตัวเอาไว้ …. ซึ่งก็มีการเปลี่ยนแปลงกลางทางจริงๆ . . .
นี่คือเป้าหมายแรก ยังไม่มีเป้าหมายสำรอง แค่ธงแรกธงเดียวก็ยากมาก ยากเย็นแสนเข็ญ….. ก็เลยสรุปกันว่า นี่คือเป้าหลักของพวกเรา
ทำยังไงต่อ?
ได้ธงมาแล้ว … ทำยังไงต่อหละ?
ก็ต้องมาดูกันหละครับว่า จะสอบเข้าที่นี่ จะต้องใช้อะไรบ้าง จะต้องสอบอะไรบ้าง สามารถสมัครสอบได้กี่รูปแบบ ฯลฯ ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ข้อมูลก็พอหาได้ ถึงแม้จะยังงงงงอยู่บ้าง แต่ก็เพียงพอสำหรับการเตรียมตัว
ซึ่งหลังจากเข้าไปดูรายละเอียดก็พบว่า สามารถสมัครได้ 2 รูปแบบ ก็คือ
– Regular Applicants : ก็คือมีการสอบข้อเขียน และสอบสัมภาษณ์
– Fast Track Applicants : ยื่นคะแนนมาตรฐาน แล้วสอบสัมภาษณ์
เมื่ออ่านโดยละเอียดแล้วก็ตกลงกันว่า จะใช้วิธีการ Fast Track นั่นก็คือจะต้องมีคะแนนจากการสอบ 2 ตัวคือ
– Mathematic จะใช้คะแนนของ SAT หรืออื่นๆที่มีให้เลือกตามตาราง ซึ่งเราเล็งเอาไว้แล้วว่าจะไปสอบ SAT ด้วยคะแนน 600 ไปสอบเลยน่าจะได้อยู่แล้ว (ความรู้คณิตศาสตร์ระดับมอต้นเป็นส่วนใหญ่)
– English Proficiency เมื่อพิจารณาจากตัวเลือกแล้ว ก็คิดว่าจะเลือกสอบ IELTS เพราะเผื่อว่าจะสามารถเอาไปใช้อะไรได้อีกในภายภาคหน้า แต่พวกนี้อายุสั้น 2 ปีก็ expired แล้ว เลยกะว่าจะไปสอบช่วงปิดเทอมใหญ่ก่อนขึ้น ม.5
เตรียมตัวสอบ IELTS
เรามองเห็นแล้วว่าเราเลี้ยงลูกมายังไง และพฤติกรรมของลูกเป็นอย่างไร ตั้งแต่ประถมจนมัธยมต้น
ลูกไม่ได้เป็นเด็ก Genius และเขาก็เรียนพิเศษมาตอนเข้า ม.1 และระหว่างมัธยมต้น ดังนั้นการที่จะให้เขาเตรียมตัวเอง อ่านเอง มองแล้วคาดหวังผลให้ได้ตามเป้าคงยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงที่ timeframe ยังไม่ได้กำหนด ก็ยิ่งเลื่อนลอย จึงมองหาและให้เขาเลือกเรียนว่าสนใจและอยากเรียนที่ไหน ให้ไปทดลองเรียนด้วย แล้วค่อยตัดสินใจเองว่าจะเลือกเรียนพิเศษที่ไหน(อาศัยการเรียนพิเศษเกาะเป็นเส้นทางไปสู่การสอบ) โดยวางเป้าหมายไว้ที่ Overall 6.0 และเป้าหมายสูงสุดที่ Overall 6.5 และ Writing ต้องได้ 6.0 ขึ้นไป
ก็เริ่มไปเรียนตอน ม.4 เทอม 2 เพราะตั้งใจว่าจะไปสอบรอบเดือน May 2019 (วางเป้าหมาย วาง timeframe เพื่อให้เกิดความตั้งใจ) แต่ตอนนั้นก็ตั้งใจไว้ว่าให้ไปลองสอบดูก่อน ลงสนามจริง เพื่อมาแก้มือในการสอบครั้งถัดไป
แต่ด้วยความบังเอิญและความโชคดีที่ลูกสอบคะแนนในครั้งแรกตอนปิดเทอม ม.4 ได้คะแนนที่สูงกว่าเป้าหมายสูงสุดเสียอีก ก็เลยจบอยู่แค่นั้น ไม่อยากสอบต่อแล้ว เขาบอกพอแล้วเราก็โอเค ตามใจลูก (จริงๆก็อยากให้ไปต่ออีกสักหน่อยนะ แต่ค่าสมัครสอบก็แพงเหลือหลาย หยุดก็หยุด เป็นเหตุผลที่ดี)
(อายุคะแนน 2 ปี ก็จะไปตรงกับ TCAS ประมาณรอบ Admission แต่ถ้าต้องการให้ Cover ทุกรอบของ TCAS ก็ต้องประมาณ มิถุนายน เพราะอย่าลืมว่า บางคณะสำหรับ International School มีรอบเก็บตกใน TCAS รอบสุดท้ายด้วย ซึ่งก็ต้องพิจารณาดูด้วยว่าเป็นคณะที่เราสนใจอยู่หรือไม่)
เตรียมตัวสอบ SAT
เนื่องจาก Requirement ของ MUIC ต้องการคะแนนเฉพาะ Part ที่เป็น Mathematics ว่าจะต้องได้ 600 คะแนนขึ้นไป ซึ่งปีนั้นก็เป็นอีกปีหนึ่งที่การสมัครสอบ(แย่ง Seat กัน) เป็นเรื่องที่ต้องจ้องมอง ห้ามกระพริบตา เพราะศูนย์สอบจะเต็มอย่างรวดเร็ว ซึ่งเราก็จองได้รอบ December 2019 โดยมีเป้าหมายที่คะแนน Mathematics มากกว่า 700 คะแนน (Requirement 600 UP) ส่วน Verbal เขาก็บอกว่าทำไปเท่าที่ทำได้เพราะว่า “มันยาก” 5 5 5
ซึ่งการเตรียมตัวก็ง่ายมาก ไปหา download ข้อสอบเก่าหรือหนังสือที่เป็น pdf เพื่อทดลองทำโจทย์ดู ทั้ง part Cal และ No Cal
ซึ่งคะแนนที่สอบก็ได้เกิดเป้าหมาย ก็เลยถือว่าปิดจ๊อบ สำหรับการเตรียมตัว Computer Engineering MUIC สามารถนำคะแนนไปยื่นเพื่อเข้าเรียนช่องทาง fast track ได้เลยเมื่อถึงเวลา(ตามอายุ 2 ปี ของคะแนนของทั้งสองตัว)
แต่ข่าวร้ายก็เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ก็คือ ปีนั้น หลักสูตร Computer Engineering ของ MUIC ไม่เปิดรับนักศึกษา เมื่อโทรไปถามก็ได้รับคำตอบว่า ปิดปรับปรุงหลักสูตร และยังไม่รู้ว่าจะเปิดได้เมื่อไหร่ !!! ซึ่งปีนั้นอยู่ ม.5 ก็ยังลุ้นให้เปิดได้ในปีการศึกษาต่อไป …
คะแนนชุดเดียว เลือกได้หลายแผนการเรียน
จริงๆคะแนนที่เก็บมาได้นี้ (IELTS และ SAT) ไม่ใช่ใช้ได้กับ Computer Engineering เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้สมัครในแผนการเรียนอื่นๆของ MUIC ได้อีกด้วย เนื่องจากใช้เงื่อนไขเดียวกัน ดังนั้น ถ้าเปลี่ยนใจในภายหลัง ก็สามารถเลือกแผนการเรียนอื่นๆได้
เป้าหมายใหม่ . . .
เรายืนเป้าหมาย Computer Engineering มาตั้งแต่ จบ ม.3 ขึ้น ม.4 แต่ในช่วง ม.4 เทอมที่ 2 ลูกก็เปรยๆเชิงบอกเล่าว่า สนใจและอยากจะลองยื่น Portfolio คณะแพทยศาสตร์ !!!
ช๊อค…. กันทั้งบ้าน …!!!
ทำไมถึงช๊อคกันทั้งบ้าน? ตอนต่อไปจะเล่าให้ฟังครับ ว่าเพราะอะไร? และ เราเริ่มต้นวางแผนกันอย่างไร …
บทความอื่นๆ
ใน Series การเข้ามหาวิทยาลัยของลูกนี้ เพิ่งจะเริ่มต้นเขียน จะมีตอนที่ผ่านมาแล้วก็คือ